คนอเมริกันมีความภูมิใจในสังคมของตนว่า เป็นสังคม melting pot แปลว่า เบ้าหลอม หมายความว่า คนอเมริกันมาจากชนชาติต่างๆ มากมาย เช่น หลายประเทศในยุโรป แม้จะนับถือศาสนาเดียวกัน แม้จะเป็นคริสต์ด้วยกัน แต่ต่างนิกายกัน ซึ่งเคยรบราฆ่าฟันเบียดเบียนกันมากในยุโรป พอมาอยู่อเมริกาก็อยู่รวมกันได้ ประเทศอเมริกาเป็นเบ้าหลอมรวมให้คนทุกชนชาติมาอยู่ด้วยกัน มาช่วยสร้างสรรค์สังคมอเมริกัน ถึงกับว่าคนชาติอื่นก็สรรเสริญ เช่น นางมากาเร็ต แทชเชอร์ (Margaret H. Thatcher) นายกรัฐมนตรีอังกฤษคนก่อน ได้พูดสรรเสริญสังคมอเมริกันว่า เป็นแบบอย่างที่หาใครทำไม่ได้ คือเป็นสังคมที่สามารถรวมชนชาติต่างๆ ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียว อยู่รวมกัน สร้างสรรค์ประเทศชาติร่วมกันได้
ที่จริงคนไทยน่าจะภูมิใจกว่า เมืองไทยเป็นเบ้าหลอมดีกว่าอเมริกาอีก อเมริกันสู้ไม่ได้ แต่ฝรั่งไม่รู้
อเมริกันภูมิใจในวัฒนธรรมเบ้าหลอมนี้มาก แต่ปัจจุบันนี้อเมริกันสูญเสียฐานะที่เป็น melting pot นั้นไปแล้ว อเมริกันตอนนี้ไม่สามารถเรียกสังคมของตนว่าเป็น melting pot อีกต่อไป เพราะไม่สามารถหลอมชนต่างเชื้อชาติให้รวมกันเป็นอันเดียวได้ แม้แต่พวกที่มีมาแต่เดิมซึ่งทำท่าว่าจะรวมกันได้ก็ไม่รวมกันจริง ตอนนี้กลับแตกแยกกันชัดเจนยิ่งขึ้น พวกเก่าที่ยังรวมกันไม่เสร็จ คือคนผิวขาวกับผิวดำ ตอนนี้แยกห่างกันมากขึ้น หนังสือที่ออกมาใหม่ๆ ระยะใกล้ๆ นี้ พากันลงความเห็นว่าหมดหวัง นับวันมีแต่จะแตกแยกกันมากยิ่งขึ้น ทวงสิทธิกันมากขึ้น
เวลานี้คนผิวดำทวงสิทธิ เช่น มีพวกที่ตั้งแนวคิดใหม่ทางการศึกษา เรียกว่า Postmodern Education ซึ่งมองว่า ประวัติศาสตร์อเมริกา เป็นประวัติศาสตร์ของคนผิวขาว พวกผิวขาวกดขี่เอาเปรียบถือว่าพวกตนเป็นผู้สร้างสรรค์สังคมอเมริกัน ดังที่ปรากฏว่าในประวัติศาสตร์ของชาติ บุคคลสำคัญๆ ที่มีชื่อว่าเป็นผู้สร้างสรรค์ประเทศชาตินั้น มีแต่คนผิวขาวเป็นส่วนใหญ่ คนผิวดำมีน้อยเหลือเกิน ทั้งๆ ที่ตามความเป็นจริงคนผิวดำมีส่วนสร้างสรรค์อย่างมากมาย เพราะฉะนั้น ต้องปรับปรุงการศึกษาใหม่ ในโรงเรียนจะต้องเรียนประวัติบุคคลสำคัญซึ่งเป็นคนดำมากขึ้น ต้องเรียนรู้บทบาทและความเป็นไปของคนผิวดำมากขึ้น นี่เป็นตัวอย่าง พวกผิวขาวก็หวั่นใจ ออกหนังสือมาพยายามแก้กันอยู่
ตอนนี้ไม่ใช่แค่นั้นแล้ว พวกผิวแดงคืออินเดียนแดง พวกเจ้าถิ่นเดิม ที่เรียกว่า Native Americans ก็ทวงสิทธิมากขึ้น นอกจากนั้น พวกอเมริกันเชื้อสายสเปนก็มีจำนวนมากขึ้นทุกที เป็นกลุ่มใหญ่ เมื่อปีที่แล้วก็มีการเรียกร้องให้เอาภาษาสแปนิช (Spanish) ขึ้นเป็นภาษาราชการอเมริกันด้วย มาถึงตอนนี้ก็มีคนเอเชียอพยพเข้าไปมากขึ้น คนผิวเหลืองก็ชักจะเป็นกลุ่มน้อยที่ใหญ่ขึ้นมาอีก คนอเมริกันก็หวั่นหวาดคนเอเชีย เพราะมีความขยันกว่า เนื่องจากคนอเมริกันยุคนี้นิสัยเสื่อมลง คนเอเชียเข้าไปใหม่กำลังขยันขันแข็ง พวกฝรั่งก็แพ้คนผิวเหลืองจากเอเชีย ในแง่ความขยันหมั่นเพียร และแม้กระทั่งในการศึกษาเล่าเรียน มีเรื่องมีราวมาก เช่นบางคราวคนจากเวียดนามกับคนอเมริกันเก่าเกิดปัญหากัน เอาเรือประมงตามไล่ยิงกันในทะเล
เรื่องเกิดขึ้นว่า คนเวียดนามเข้าไปอยู่ในอเมริกา ทำการประมงแข่งกับพวกคนผิวขาว คนเวียดนามขยันกว่าและรู้จักประหยัดอดออมกว่า คนอเมริกันรุ่นใหม่เคยตัวกับความสบายก็ทำตามปกติของเขา มีการแบ่งงานกันทำ ภาชนะบรรจุปลาก็ไปซื้อจากพวกอื่นมา จึงใช้ทุนสูงกว่า แล้วก็ออกหาปลาตามเวลา ส่วนคนเวียดนาม ภาชนะบรรจุปลาก็ทำเอง ประหยัดต้นทุน ออกเรือหาปลาก่อนคนผิวขาวและกลับทีหลัง ก็ได้ปลามากกว่า และขายได้ถูกกว่า จึงประสบความสำเร็จกว่าคนผิวขาว ในที่สุด พวกผิวขาวทนไม่ไหว เอาเรือไล่ยิงกันกลางทะเล นี่เป็นตัวอย่าง
อีกตัวอย่างหนึ่ง ที่เมืองลอสแองเจลีส (Los Angeles) ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ พ.ศ. ๒๕๓๕ มีเหตุการณ์ใหญ่รุนแรงที่ลือลั่นไปทั่วโลก คือ คนผิวดำ โกรธแค้นคนผิวขาว แล้วก่อการจลาจล ถึงขั้นที่เรียกว่าเผาเมือง ระหว่างเหตุการณ์ใหญ่นั้นก็มีเหตุการณ์ย่อยแทรก เช่น คนผิวดำมีความเกลียดชังคนผิวเหลือง โดยเฉพาะพวกเชื้อสายเกาหลีที่ขยัน และสามัคคีกัน ซึ่งประสบความสำเร็จในการค้าขาย พอเกิดการจลาจล พวกคนผิวดำบางพวกก็พากันเข้าปล้นร้านของคนเกาหลี คนเกาหลีก็เอาปืนมายิง จัดการกันเอง อย่างบ้านป่าเมืองเถื่อน
ในทางสติปัญญา ปรากฏว่า ด้วยความขยันส่งผลมาทางปัญญาหรืออะไรก็ตาม คนเชื้อสายเอเชียคือพวกผิวเหลืองเรียนเก่งกว่าคนผิวขาว เวลานี้ในมหาวิทยาลัยต่างๆ คนที่เรียนสำเร็จระดับหนึ่ง คือคนสายเอเชีย พวกอเมริกันผิวขาวระดับสอง พวกผิวดำอยู่รั้งท้าย เรื่องนี้ก็สร้างความหวั่นไหวและหวั่นหวาดประการหนึ่งในสังคมอเมริกันปัจจุบัน
ในเรื่องของความแตกพวกแยกผิว ตอนนี้ สังคมอเมริกันมี ๕ พวก คือ
๑. พวกผิวขาว (white Americans)
๒. พวกผิวดำ (black Americans หรือ African Americans)
๓. พวกสแปนิช (Hispanic Americans หรือ Hispanics)
๔. พวกผิวเหลืองเอเชียน (Asian Americans)
๕. พวกเนติฟอเมริกัน หรืออินเดียนแดง (Native Americans หรือ American Indians)
นี่คือปัญหาความแตกแยกที่ทำให้สังคมอเมริกันปัจจุบันไม่เป็นเบ้าหลอม (melting pot) แล้ว ศัพท์นี้เลิกใช้ได้แล้ว เวลานี้เขาพยายามกันแต่เพียงว่า ทำอย่างไรจะให้สังคมอเมริกันเป็นโมเสก (mosaic) ภาวะที่เป็นโมเสก คือเป็นเหมือนกระเบื้องชิ้นเล็กๆ สีต่างๆ มาเรียงกันเข้าระเบียบก็นับว่ายังดี ยังสวยงามเป็นเครื่องประดับได้ ให้อเมริกาเป็นโมเสกได้ก็ยังดี แต่ขณะนี้กำลังวิตกว่า แม้แต่เป็นโมเสกก็ไม่ได้ หนังสือขายดีอย่างของนาย Alvin Toffler และ John Naisbitt ซึ่งกำลังมีชื่อโด่งดังในวงการนักเขียนทำนายอนาคต (ไม่นานมานี้ มีนักธุรกิจไทยไปเชิญนาย Alvin Toffler มาพูด ต้องจ่ายเงินมหาศาล ค่าผ่านประตูเข้าฟังแพงเหลือเกิน คนละเป็นหมื่น) นักเขียนเหล่านี้เขียนหนังสือบอกว่า เวลานี้อเมริกาเป็นได้แค่จานสลัด หมายความว่า ชนชาติต่างๆ มาอยู่ในอเมริกาปะปนกันสับสน ไม่กลมกลืนกัน เหมือนกับผักชนิดต่างๆ มาคลุกเคล้ากันในจานอย่างไม่มีระเบียบ