ตัวอย่างที่แสดงความเสื่อมสลายของสังคมอเมริกันนี้ ขอยกมาให้ดูอีกสักเรื่องหนึ่ง คือความล่มสลายของสถาบันครอบครัว ครอบครัวเป็นสังคมส่วนย่อย เป็นแกนและเป็นฐานของสังคม ถ้าในสังคมใดระบบครอบครัวเสีย ก็เรียกว่ารากฐานของสังคมผุพัง ปัจจุบันสังคมอเมริกันกำลังอยู่ในสภาพนี้ เมื่อสถาบันครอบครัวเสียแล้ว ความเสื่อมสลายของสังคมก็ตามมา
เราได้ยินกันมานานแล้วว่า คนแก่ในอเมริกานั้นน่าสงสารมาก แต่อันนั้นเป็นเรื่องเก่าแล้ว เวลานี้มีสิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นอีก พูดถึงคนแก่ในประเทศอเมริกานั้น และแม้ในประเทศฝรั่งทั่วไป จัดว่าเป็นคนมีความทุกข์มาก ชีวิตเหงา ว้าเหว่ อยู่โดดเดี่ยว เพราะว่าลูกหลานเวลาโตขึ้นก็แยกออกไป ซึ่งเป็นธรรมเนียมประเพณีของเขาอย่างนั้น จึงไม่มีความผูกพันกันมาก เวลาคริสต์มาสปีหนึ่งก็มาพบพร้อมกันทีหนึ่ง ในยามปกติก็ต่างคนต่างไป
เริ่มต้นลูกอายุแค่ ๑๗-๑๘ พ่อแม่ก็ให้ออกจากบ้านแล้ว แทบจะไล่เลย ต้องไปหากินเอาเอง แม้แต่การศึกษาลูกก็ต้องไปหาเงินมาเรียนเอง พ่อแม่เขาไม่ค่อยเอาด้วย ช่วยน้อย เด็กโตแล้วก็ต้องเลี้ยงตัวเอง ซึ่งมองในแง่หนึ่งก็ทำให้คนเข้มแข็งดี แต่เอาในแง่เสียก่อน แง่เสียก็คือไม่มีความผูกพันทางจิตใจ เมื่อลูกออกไปตั้งแต่ยังวัยรุ่น ไปหากินเอง ไปสร้างเนื้อสร้างตัวเอง แม้แต่ในตอนที่ยังอยู่กับพ่อแม่ เวลาฤดูร้อน คือ summer พวกเด็กหยุดเรียนก็ออกหางานทำ อย่างลูกของวุฒิสมาชิก เอ็ดเวิร์ด เคนเนดี้ (Edward M. Kennedy) ที่เป็นน้องของ จอห์น เอฟ เคนเนดี้ (John F. Kennedy) ขนาดเป็นลูกของวุฒิสมาชิกที่ร่ำรวยใหญ่โต เวลาโรงเรียนปิด ก็ออกขายหนังสือพิมพ์ ลองคิดดูเมืองไทยทำได้ไหม แต่เด็กอเมริกันเขาภูมิใจ เขาถือว่าได้สร้างเนื้อสร้างตัว ได้ทำเงินด้วยลำแข้งของเขาเอง ถึงเขาจะเป็นลูกผู้ใหญ่ผู้โต แต่เวลาโรงเรียนปิดเขาก็ไปขายหนังสือพิมพ์ หาเงินหาทองด้วยตนเอง
พอลูกออกไปแล้ว พ่อแม่ก็อยู่กันตามลำพังสองตายาย พอแก่ตัวเข้าก็อยู่กันแค่ ๒ คน ว้าเหว่ ยิ่งบางทีฝ่ายหนึ่งตาย อายุสั้นกว่า ก็เหลืออยู่ฝ่ายเดียว ยิ่งเหงา เวลาบ่ายๆ เย็นๆ ก็ออกจากบ้านไปเที่ยวนั่งตามสวนสาธารณะ เราผ่านไปก็เห็นคนแก่ฝรั่งมานั่งกันตามม้านั่งริมถนนข้างทางที่เป็นสวนสาธารณะหรือ park เพราะแกเหงา ว้าเหว่เต็มที ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia) เคยมีคนแก่ที่เหงามาก ลงแจ้งความในหนังสือพิมพ์หาคนมาฟังแกพูด โดยให้เงินค่าจ้างฟังเป็นชั่วโมงๆ ละเท่านั้นเท่านี้ เป็นตัวอย่างความเหงาของฝรั่งที่สูงอายุ ธรรมดาคนแก่นี่อยากจะพูด ชอบเล่าระบายเรื่องเก่าๆ เมื่อไม่มีคนฟัง ก็เลยจ้างให้คนมาฟัง คนไทยเราไปอยู่เมืองอเมริกา ก็ไปผูกมิตรสัมพันธ์กับพวกฝรั่งบ้านใกล้ๆ บางคนพอเขารู้จักดี โทรศัพท์มาหาไม่หยุด จะพูดเล่าโน่น เล่านี่ คนไทยก็รำคาญ เด็กไทยไปอยู่กับคนแก่อเมริกันนี่ฝรั่งรักเหลือเกิน เพราะคนไทยเรารู้จักเอาใจคนแก่ ฝรั่งไม่มีการเกื้อกูลกันขนาดนั้น อย่างน้อยโดยวัฒนธรรมที่มีน้ำใจเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วเราดีกว่าเขามาก ฝรั่งจึงรักเหลือเกิน บางทียกมรดกให้เลย
ฝรั่งอยู่คนเดียวก็ว้าเหว่ ไม่มีอะไรก็ต้องเลี้ยงหมาเลี้ยงแมว ฉะนั้น เราจะเห็นว่า ในสังคมอเมริกัน ทีวีจะมีโฆษณาอาหารหมาอาหารแมวเยอะไปหมด เมืองไทยเราต่อไปก็อาจจะเป็นอย่างนั้น เพราะในสังคมที่เป็นระบบแข่งขันแย่งชิงผลประโยชน์ คนไม่มีเวลาเอาใจใส่กัน คนแก่เหงาก็อยู่กับหมากับแมวเป็นเพื่อน บางรายก็อยู่คนเดียว แบบนี้บางทีตายก็ไม่มีใครรู้ เวลาเช้าคนส่งหนังสือพิมพ์เอาหนังสือพิมพ์มาส่ง เขาก็วางไว้ในที่จัดให้ใส่หนังสือพิมพ์ ไม่เจอกันหรอก แต่มาทิ้งหนังสือพิมพ์หลายวัน ฉบับวันก่อนก็ยังอยู่ ไม่มีใครเอาไป มาอีกวันก็ยังอยู่ เอ.. ๒-๓-๔ วันแล้ว เป็นอย่างไร สงสัย ไปตามตำรวจมาดู พังประตูเข้าไป นอนตายแล้ว! บางรายพังเข้าไปปรากฏว่าหมาที่อยู่ด้วยกินศพไปครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะหมาไม่มีอะไรจะกินเลยกินศพเจ้าของ อะไรอย่างนี้ สังคมอเมริกันตัวใครตัวมัน คนโดดเดี่ยว เหงา ว้าเหว่ ไม่อบอุ่นเหมือนในสังคมไทย คนแก่อเมริกัน อาจจะเลือกไปอยู่ใน nursing home คือ บ้านคนชรา ไปให้พวกพยาบาลเลี้ยงดูแล เป็นกิจการอย่างหนึ่งของคนอเมริกัน สังคมไทยก็กำลังจะเดินไปทางนี้ เดี๋ยวนี้ก็มีบ้านพักคนชรา ต่อไปก็คงเป็นกิจการขึ้น ความผูกพันในครอบครัวก็น้อยลง