การศึกษาทางเลือก: สู่วิวัฒน์หรือวิบัติ ในยุคโลกไร้พรมแดน

Somdet Phra Buddhaghosacariya (P. A. Payutto)

เมื่อการศึกษาเสียฐาน เทคโนโลยีก็กลายเป็นสื่อนำความก้าวหน้าในวิถีแห่งการทำลายสันติภาพ

ดินแดนภายใต้การบริหารของพ่อแม่ คือบ้านและครอบครัว เวลานี้มีตัวการภายนอกเข้าไปแทรกแซง ตัวแทรกแซงที่เด่นมีอิทธิพลมาก ก็คืออุปกรณ์เทคโนโลยีสื่อสารสมัยใหม่ โดยเฉพาะโทรทัศน์นั้นไม่เพียงแต่เข้าไปแทรกแซง แต่มากมายทีเดียวถึงกับแย่งชิงอำนาจครอบครองดินแดนนั้นไป และพ่อแม่มากมายก็แพ้สู้ไม่ได้ โทรทัศน์เอาลูกไปเป็นสัมพันธมิตร แล้วบางทีลูกกลายไปเป็นศัตรูกับพ่อแม่

โทรทัศน์กลายเป็นตัวทำบทบาทนำเสนอโลกแก่ลูก แล้วลูกก็ได้ทัศนคติการมองโลกไปตามที่โทรทัศน์นำเสนอ โทรทัศน์นำเสนออย่างไร โทรทัศน์ที่ดีก็มี แต่ว่าโดยรวมเป็นปัญหามาก คือ อย่างน้อยโทรทัศน์ก็ไม่มีจิตเมตตาและตัวปัญญาที่จะชี้แนะแก่ลูกว่าควรจะดูจะฟังอะไรด้วยท่าทีอย่างไร

ทีวีและสื่ออื่นๆ มากมาย นำเสนอภาพแห่งการแย่งชิงผลประโยชน์ ภาพที่มนุษย์มองเพื่อนมนุษย์เป็นศัตรู ที่จะต้องห้ำหั่นชิงชัยเอาชนะกัน เต็มไปด้วยการต่อสู้ ทำร้าย เรื่องรุนแรง การยั่วยวนล่อตาล่อใจด้วยสิ่งเสพบริโภคที่จะได้มาบำรุงบำเรอตนค่านิยมเสพบริโภคและความเห็นแก่โก้เก๋ ขอให้พิจารณาดูว่าเป็นอย่างนี้มากหรือไม่ ถ้าเป็นอย่างนี้ก็คืออันตรายที่มาถึงตัวแล้ว และคือศัตรูของสันติภาพที่ซ่อนตัวอยู่แล้วในบ้าน

นี่คือทัศนคติการมองโลกขั้นพื้นฐาน และจะต้องเข้าใจว่า พ่อแม่ไม่ใช่เพียงนำเสนอสิ่งที่พบเห็นหรือเข้ามาเท่านั้น ตัวพ่อแม่เองก็เป็นตัวแทนของโลกด้วย คือเป็นตัวแทนที่จะให้ลูกมองเห็นโลกอย่างไร และมองเห็นเพื่อนมนุษย์อย่างไร เพราะพ่อแม่ก็คือมนุษย์หญิงชายสองคนที่เป็นตัวแทนของมนุษย์ทั้งหมดในโลก เป็นธรรมดาว่าพ่อแม่โดยทั่วไปย่อมมีเมตตารักลูกและมีความสัมพันธ์กับลูกในทางเกื้อกูลให้ความอบอุ่นร่มเย็น เมื่อเด็กเกิดทัศนคติในแนวทางนี้แล้ว ต่อจากพ่อแม่ เด็กมีพี่มีน้องเป็นหญิงบ้างชายบ้าง ความสัมพันธ์แบบรักใคร่ผูกพันกับพ่อแม่ก็ขยายไปยังพี่น้อง ความรู้สึกฉันพี่น้องก็เกิดขึ้น ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ข้ามพ้นเหนือความเป็นหญิงเป็นชาย มีความรู้สึกเอื้ออาทรและความสัมพันธ์ที่เมตตาอบอุ่น ความรู้สึกและทัศนคตินี้จะฝังใจตลอดไปในชีวิตของเขา

เมื่อเด็กเติบโตออกไปสู่โลกกว้าง เขามองเห็นเพื่อนมนุษย์ ในด้านหนึ่งก็จะมีความรู้สึกตามสัญชาตญาณเช่นหญิงมองชาย และชายมองหญิง ในเชิงอารมณ์ทางเพศ แต่อีกด้านหนึ่ง ความรู้สึกที่ปลูกฝังไปแล้วในชีวิตครอบครัวก็คือ ความสัมพันธ์ที่แม่เป็นตัวแทนของผู้หญิง พ่อเป็นตัวแทนของผู้ชาย พร้อมทั้งความรู้สึกฉันพี่น้อง ซึ่งพ่วงมาด้วยภาพแห่งความดีงามความอ่อนโยนและความซาบซึ้งประทับใจที่ลงไปนอนอยู่ในจิตไร้สำนึก เมื่อเขาออกไปเห็นมนุษย์หญิงชายที่อื่น ก็จะมีความรู้สึกเชิงพ่อแม่พี่น้องที่เป็นฐานอยู่ก่อนออกมาดุล ทำให้ความรู้สึกเชิงสัญชาตญาณอ่อนกำลังลงหรือถูกเบนไป

ในผู้ชายบางคนที่มีความซาบซึ้งประทับใจในความรักความเมตตา และคุณธรรมของแม่ลึกซึ้งหนักแน่นมาก เมื่อไปพบเห็นผู้หญิงก็เหมือนมีภาพมารดาของตนปรากฏขึ้นมาด้วย พร้อมทั้งความรู้สึกดีงามต่างๆ ที่พ่วงอยู่ด้วย คำโบราณที่ว่าพระคุณของพ่อแม่คุ้มครองลูก ก็มีความหมายในแง่นี้ด้วยอย่างหนึ่งดังจะเห็นได้ว่าสภาพจิตนี้ช่วยมนุษย์และช่วยสังคมไว้ได้มาก

แต่เมื่อไหร่ความสัมพันธ์นี้ขาดไป พ่อแม่ไม่ได้เป็นตัวแทนนำเสนอโลกแก่ลูก เมื่อไม่มีทัศนคติแห่งความเป็นมิตรเมตตาและเจตจำนงสร้างสรรค์อยู่ในใจเลย อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อออกไปสู่โลก ผู้ชายมองผู้หญิงเป็นวัตถุกามอย่างเดียว ไม่มีจิตสำนึกอย่างอื่น อาชญากรรมและความรุนแรงต่างๆ จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นี่คือการทำลายสันติภาพขั้นพื้นฐานอย่างหนึ่ง

ไม่ต้องพูดถึงมนุษย์คนอื่นไกล แม้แต่พ่อแม่กับลูกอย่างที่เป็นอยู่ในสภาพสังคมปัจจุบัน เพราะระบบสังคมและเศรษฐกิจบังคับ พ่อแม่กับลูก ทั้งที่อยู่ในบ้านเดียวกัน แต่ห่างเหินกัน เมื่อลูกยังเล็ก พ่อกับลูกหญิงไม่ได้เอาใจใส่ดูแลใกล้ชิดสนิทแน่นที่จะประทับความรู้สึกเมตตากรุณาและความซาบซึ้งแบบพ่อกับลูกไว้ พอลูกหญิงโตขึ้นหน่อย พ่อมองลูกหญิงด้วยความรู้สึกเชิงสัญชาตญาณอย่างชายกับหญิงทั่วไป แทนที่จะมีอารมณ์พ่อก็เกิดอารมณ์เพศ อาจเกิดแนวโน้มที่จะก่อปัญหาศีลธรรม เช่น พ่อข่มขืนลูกมากขึ้น อย่างที่เป็นมาในประเทศอุตสาหกรรมตะวันตก

ขณะนี้กำลังเป็นปัญหาว่า ความสัมพันธ์ในครอบครัว โดยเฉพาะบทบาทในการนำเสนอโลกแก่ลูกนี้กำลังสูญสิ้นไป โดยที่พ่อแม่ไม่ทำเสียเอง ซึ่งอาจจะมาจากความห่างเหินกันเพราะสภาพชีวิตภายใต้ระบบเศรษฐกิจปัจจุบันบีบคั้นบ้าง เนื่องจากพ่อแม่ถูกสิ่งอื่นโดยเฉพาะเทคโนโลยีสื่อสาร เช่นโทรทัศน์ วีดีโอ โทรศัพท์ เกมส์คอมพิวเตอร์ เข้ามายึดครองอำนาจแล้วทำหน้าที่แทน ตลอดจนแย่งเอาลูกไปได้บ้าง ยิ่งกว่านี้บางทีพ่อแม่ก็กลายเป็นศัตรูของลูกไป เพราะลูกไม่พอใจในความสัมพันธ์กับพ่อแม่

ทำอย่างไรพ่อแม่จะรักษาหรือยึดอำนาจครอบครองดินแดนของตัวเองกลับมาได้ เรื่องนี้นับว่าเป็นปัญหาขั้นพื้นฐาน อย่างน้อยพ่อแม่ต้องรับมือกับโทรทัศน์เป็นต้นได้ ด้วยเอาโทรทัศน์มาเป็นสัมพันธมิตร แล้วใช้มันให้เป็นประโยชน์ในการให้การศึกษาแก่ลูก ช่วยแนะนำหนุนให้ลูกใช้ โทรทัศน์เพื่อการศึกษาให้ได้เปอร์เซ็นต์อย่างน้อยพอสมดุลกับการใช้เพื่อเสพ ถ้าใช้เด็กใช้ทีวีเพื่อเสพ ๙๙% จะต้องลดลง ใช้เพื่อเสพสัก ๗๐ % และใช้เพื่อการศึกษาสัก ๓๐% แล้วต่อไปก็พัฒนาให้สูงขึ้น ถ้าเด็กคนไหนใช้โทรทัศน์เพื่อศึกษาและสร้างสรรค์ได้มาก ปัญหาจะน้อย พ่อแม่สบายใจได้ว่า เด็กจะพัฒนาและไปเป็นส่วนร่วมที่ดีในโลก

แต่ในเวลานี้เด็กไทยหาความสุขจากการเสพเทคโนโลยีเป็นส่วนใหญ่ มีน้อยเหลือเกินที่หาความสุขจากการสร้างสรรค์ด้วยเทคโนโลยี เด็กมีคอมพิวเตอร์ก็เอาไปเล่นเกมส์ มีโทรทัศน์ก็ดูแต่รายการบันเทิง ปลุกและปลูกฝังค่านิยมบริโภคและนิสัยเป็นนักเสพกันเต็มที่จึงเป็นเรื่องน่ากลัวมากสำหรับสังคมของเรา ที่การศึกษาพื้นฐานกำลังเสื่อมสลาย ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ไม่ต้องพูดถึงการที่จะมีเรี่ยวแรงกำลังความสามารถไปสร้างสรรค์โลกให้มีสันติภาพ เพราะแม้แต่จะรักษาตัวให้รอดจากความเป็นเหยื่อหรือถูกครอบงำในระบบแข่งขันที่เป็นโลกาภิวัฒน์อยู่ในปัจจุบัน ก็ยังไม่ไหว

การที่จะฟื้นการศึกษาขึ้นมาเพื่อพัฒนาคนไทยเริ่มได้เดี๋ยวนี้ที่ในบ้าน โดยพ่อแม่จะต้องนำเสนอโลกแก่ลูกให้เด็กได้ทัศนคติพื้นฐาน ๓ ประการ
๑. การมองเพื่อนมนุษย์ผู้ร่วมโลกอย่างเป็นมิตรมีไมตรี
๒. การมองโลกเป็นดินแดนอันอัศจรรย์ที่น่าชื่นชมและน่าศึกษาให้รู้ความจริง
๓. การมองความสัมพันธ์ของตนเองกับโลกด้วยเจตจำนงที่จะออกไปร่วมรับผิดชอบสร้างสรรค์

ถ้าทำได้อย่างนี้เราก็จะมีมนุษย์ผู้จะนำโลกไปสู่สันติภาพ ถ้ามิฉะนั้น โลกต่อไปนี้ก็จะมีแต่มนุษย์ที่เตรียมตัวให้พร้อมที่จะไปแย่งชิงกัน จะไปห้ำหั่นกัน จะไปเอาชนะเขา และไปหาสิ่งเสพให้กับตนเอง ซึ่งจะไม่มีทางสร้างสันติภาพขึ้นมาได้ เพราะเราได้สูญเสียการศึกษาไปแล้วตั้งแต่ในครอบครัว ที่จริงหน้าที่ของพ่อแม่ในทางการศึกษายังมีอีกมาก แต่เพียงแค่จะนำเสนอโลกแก่ลูกก็เกิดปัญหามากแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องฟื้นฟูกู้กลับมา

The content of this site, apart from dhamma books and audio files, has not been approved by Somdet Phra Buddhaghosacariya.  Such content purpose is only to provide conveniece in searching for relevant dhamma.  Please make sure that you revisit and cross check with original documents or audio files before using it as a source of reference.