สถานการณ์พระพุทธศาสนา: พลิกหายนะเป็นพัฒนา

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต)

- ๑ -
วงใน - ชั้นใน
สภาพวัด และพระสงฆ์

วัดหลวงตา: เครื่องชี้สภาพที่มาถึงเรา

ในด้านสถาบันพระสงฆ์นั้น ปัจจุบันนี้ ชาวพุทธทั่วไปเป็นห่วงกันมาก เวลาพูดถึงสภาวการณ์ของพระพุทธศาสนาในฝ่ายพระสงฆ์ ก็จะปรารภร้องทุกข์โอดครวญกันในเรื่องความเสื่อมโทรมต่างๆ

ไม่ต้องดูอะไรมากหรอก วัดในประเทศไทยเรานี้ มีทั้งหมด ๓ หมื่นกว่าวัด ลองมองเข้าไปดูสภาพในวัด

เริ่มตั้งแต่พระสงฆ์ที่เป็นเจ้าอาวาส เมื่อสัก ๑๐-๒๐ ปีก่อนนี้ วัดสามหมื่นกว่าวัดนี้ ไม่มีเจ้าอาวาส ว่างเจ้าอาวาสอยู่ประมาณ ๔,๐๐๐ วัด มาปัจจุบันนี้ แทนที่ตัวเลขจะเบาลง แทนที่พระสงฆ์หรือเจ้าอาวาสจะมากขึ้น สถิติกลับเป็นไปในทางที่น่าวิตกยิ่งขึ้น

เจ้าหน้าที่กรมการศาสนาให้ตัวเลขว่า เวลานี้วัด ๓ หมื่นกว่าวัดนั้น ว่างเจ้าอาวาสใกล้หมื่นวัดเข้าไปแล้ว หมายความว่า ไม่มีพระที่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นเจ้าอาวาสได้

เจ้าอาวาสนั้น ต้องมีพรรษา ๕ ขึ้นไป แล้วก็มีคุณสมบัติคือวุฒิทางด้านการศึกษาบ้าง แต่ปัจจุบันนี้ วัดไม่มีพระที่มีคุณสมบัติที่จะเป็นเจ้าอาวาส ได้แค่รักษาการอยู่ตั้งเกือบหมื่นวัด หมื่นวัดนี่ก็หนึ่งในสาม วัดของเราไม่มีเจ้าอาวาสมากมาย

ขอให้พิจารณาดู เมื่อไม่มีเจ้าอาวาส ความรับผิดชอบต่อวัดและการที่จะทำให้วัดเดินเข้าไปสู่ความก้าวหน้า ก็ไม่หนักแน่น ไม่เต็มที่ แค่รักษาการก็มีความรับผิดชอบไม่สมบูรณ์ นอกจากนั้นก็บ่งชี้ถึงสภาพที่ขาดคุณสมบัติ ไม่มีภาวะที่จะเป็นผู้นำได้

ในเมื่อไม่มีพระสงฆ์ที่จะเป็นผู้นำ ที่จะเป็นเจ้าอาวาสได้ ก็จะเกิดมีสภาพที่ ๒ ตามมา

ในช่วง ๕-๖ ปีที่แล้วมา จนถึงปัจจุบันนี้ มีการปรารภกันในหมู่พระสงฆ์ระดับบริหาร ซึ่งอาจจะเป็นการพูดทำนองขำๆ สนุกๆ แต่ก็แฝงความน่าเป็นห่วงอยู่ด้วย คือการที่ท่านพูดกันว่า เวลานี้ในประเทศไทย ได้มีวัดหลวงเพิ่มขึ้นอีกประเภทหนึ่ง

วัดหลวงนี่ เราก็เคยได้ยินได้ฟังรู้กันอยู่แล้วว่า ศัพท์ทางการเรียกว่า “พระอารามหลวง” มีชั้นตรี ชั้นโท ชั้นเอก แต่เวลานี้ท่านบอกว่ามีวัดหลวงเพิ่มขึ้นอีกประเภทหนึ่ง แล้วก็ให้คิดกันดู ลองฟังคำเฉลยนะ วัดหลวงที่เพิ่มขึ้นอีกประเภทหนึ่งนั้นคือ “วัดหลวงตา”

วัดหลวงตานั้น เวลานี้มีมาก ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่า ไม่มีพระที่มีคุณสมบัติจะเป็นเจ้าอาวาส ก็เลยมีแต่หลวงตาเฝ้าวัด

“หลวงตา” ก็คือพระที่บวชเมื่อแก่ บางทีก็มุ่งมาหาความสงบ เลิกทำงานทำการ ก็เข้ามาบวช อย่างนี้ก็เป็นประเภทที่นับว่าดี แต่อีกประเภทหนึ่งก็คือ ผู้ที่ไม่มีทางไป ไปไม่ไหวแล้ว หมดทางทำมาหาเลี้ยงชีพ ก็เข้ามาอาศัยวัดเป็นที่เลี้ยงชีพ โดยมาบวชเป็นหลวงตา

เราไปต่างจังหวัด หรือแม้แต่ในกรุงเทพฯ ปัจจุบันนี้ พบพระที่สูงอายุ แล้วเข้าไปถามดูว่าพรรษาเท่าไร จะเห็นสภาพความเป็นไปของวงการคณะสงฆ์

สมัยก่อนนี้ พระที่มีอายุมากๆ ก็จะมีพรรษามาก อายุเจ็ดสิบ ก็อาจจะพรรษา ๔๐-๕๐ แต่ปัจจุบันนี้ ไปถามดู พระอายุ ๗๐ พรรษาเท่าไร หนึ่งพรรษา สองพรรษา สามพรรษา

อันนี้คือสภาพการณ์ที่น่าเป็นห่วง ท่านเหล่านี้มาบวชเมื่อแก่ บางท่านที่มาบวชหาเลี้ยงชีพแบบไม่มีทางไป ก็ไม่ตั้งใจจะศึกษาปฏิบัติ และอาจเที่ยวหาเงินทอง หลอกลวงทำความเสียหาย

ส่วนท่านที่มาบวชหาความสงบ ถึงแม้จะตั้งใจเล่าเรียนศึกษาปฏิบัติ วัยก็ไม่ให้ ไม่มีความแข็งแรง สมองก็เสื่อมโทรมลง เวลาในชีวิตที่จะทำงานให้พระศาสนา ก็เหลือน้อย น้อยองค์ที่จะมีความสามารถพิเศษ ซึ่งน่ายกย่อง ท่านที่ตั้งใจเล่าเรียนและมีความสามารถจริงๆ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เราก็ต้องยกให้

นี่ด้านหนึ่ง คือด้านพระที่สูงอายุ ก็เป็นอันว่า จะมีพระหลวงตาที่มีพรรษาน้อยๆ นี้มากมาย

เนื้อหาในเว็บไซต์นอกเหนือจากไฟล์หนังสือและไฟล์เสียงธรรมบรรยาย เป็นข้อมูลที่รวบรวมขึ้นใหม่เพื่อช่วยในการศึกษาค้นคว้าของผู้สนใจ โดยมิได้ผ่านการตรวจทานจากสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
ผู้ใช้พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือหรือเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง