คนไทยเรานี่ ชอบสอนกัน เตือนกัน บอกกันว่า ให้พึ่งตน ให้พึ่งตัวเอง แล้วบอกว่านี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นหลักพระพุทธศาสนา ก็ถูกต้องอยู่บ้าง แล้วก็ดีด้วย เป็นการบอกให้คนเพียรพยายาม ให้รู้จักที่จะไม่งอมืองอเท้า ให้ทำอะไรๆ โดยรู้จักขยันหมั่นเพียร ไม่มัวรอความช่วยเหลือจากผู้อื่น อันนี้ก็ดีในแง่หนึ่ง แต่ว่าถูกครึ่งเดียว
ทำไมจึงว่าถูกครึ่งเดียว เพราะมันไม่ใช่หลักพระพุทธศาสนาเต็มที่ ถ้าพูดว่าเป็นคำสอนของพระพุทธศาสนา ก็เป็นคำสอนแค่ครึ่งหนึ่ง ยังไม่ครบ
การสั่งสอนบอกให้คนพึ่งตัวเองนั้น จะเห็นได้ว่าบางครั้งมันก็ใช้ไม่ได้ แล้วก็กลายเป็นข้ออ้างสำหรับไม่ช่วยคนอื่น ใครมาขอความช่วยเหลือ ก็บอกว่า เออ.. แกก็พึ่งตัวเองสิ พระท่านสอนไว้ เมื่อพูดอย่างนี้ ก็เลยไม่ต้องช่วยกัน นี่ก็อย่างหนึ่ง
อีกอย่างหนึ่ง ในบางเรื่องบางเหตุการณ์ เอาง่ายๆ เช่น เราไปเห็นคนตกน้ำ ก็บอกว่า “เธอก็ช่วยตัวเองซิ พระท่านสอนให้พึ่งตน” เขาจะพึ่งตนได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อเขาว่ายน้ำไม่เป็น พอเราบอกให้เขาพึ่งตน เขาก็ตายน่ะสิ
เพราะอย่างนี้แหละ การบอกให้พึ่งตัวจึงใช้ไม่ได้ทั่ว อย่างที่บอกแล้วว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าแค่ครึ่งเดียว เราเอามาสอนกันครึ่งๆ กลางๆ
ถึงตรงนี้ ก็ต้องถามว่า หลักธรรมที่แท้เป็นอย่างไร?
ที่เราบอกกันสอนกันว่าให้พึ่งตัวเอง อะไรๆ อย่างนี้ เรามักอ้างหลักที่ว่า
อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ
แปลว่า: ตนเป็นที่พึ่งของตน
ดูให้ดีนะ ในหลัก “อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ” ว่าตนเป็นที่พึ่งของตนนี้ ท่านสอนให้เราทำอะไร ที่ว่าท่านบอกให้พึ่งตัวเองนั้น ดูซิ มันอยู่ตรงไหน ที่ว่า “ตนเป็นที่พึ่งของตน” นี้ ท่านบอกตรงไหนว่าให้พึ่งตน ท่านไม่ได้บอกให้ทำอะไรสักหน่อย แต่ท่านบอกความจริงให้ใช่ไหม คือท่านสอนท่านแสดงหลักความจริงตรงไปตรงมาว่า ตัวเองนี่แหละ เป็นที่พึ่งของตน ความจริงเป็นอย่างนี้
แล้วที่ท่านสอน ก็ไม่จบแค่นั้น ต่อจาก อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ยังมีต่อไปอีก เดี๋ยวจะบอกว่าอะไร
ว่ากันที่ “อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ” นี่ก่อน แปลกันอีกที ท่านว่า “แท้จริงแล้ว ตนเป็นที่พึ่งของตน” นี่คือท่านเตือนเราให้นึกถึงความจริงว่า ที่พึ่งที่แท้คือตัวเอง นึกไว้ จำไว้ให้ชัดนะว่า ตัวเองของแต่ละคน ของทุกคนนี่แหละ เป็นที่พึ่งที่แท้จริงของตน