ในการวิเคราะห์ที่แท้นั้นจุดสำคัญคือต้องไม่ลืมองค์รวมที่เราวิเคราะห์ อะไรที่ทำให้ไม่ลืมองค์รวมหรือทำให้องค์รวมไม่หายไป ก็คือความสัมพันธ์
ในเวลาที่วิเคราะห์ออกไปนั้น จะต้องมองความสัมพันธ์ไปด้วยตลอดเวลา พอวิเคราะห์อันนี้แยกออกไปปั๊บ ก็มองเลยว่า อันนี้มันสัมพันธ์กับอันโน้นที่อยู่รอบตัวมันอย่างไร
ถ้าทำอย่างนี้ การวิเคราะห์หรือแยกแยะจำแนกแยกส่วนก็ไม่เสีย เพราะว่ายิ่งแยกไปก็ยิ่งเห็นความสัมพันธ์ เมื่อยิ่งเห็นความสัมพันธ์ มันก็เห็นองค์รวม ถ้าเราแยกแยะให้เห็นความสัมพันธ์ องค์รวมจะไม่หายเลย เพราะฉะนั้นพุทธศาสนาจึงเน้นเรื่องความสัมพันธ์
ในอภิธรรม คัมภีร์สุดท้าย ที่เรียกว่าปัฏฐาน มี ๖ เล่ม ทั้งคัมภีร์ว่าด้วยลักษณะแห่งความสัมพันธ์แบบต่างๆ ๒๔ แบบ สิ่งทั้งหลายเมื่อจำแนกแยกแยะออกไปเราต้องรู้ความสัมพันธ์ ถ้าแยกอย่างเดียวมันก็กระจายหายไป แต่ถ้าแยกโดยเห็นความสัมพันธ์มันก็ไม่แยกกระจัดกระจาย เพราะว่าความสัมพันธ์เป็นตัวโยงกันอยู่ แล้วเราก็จะเห็นภาพรวม
ยิ่งกว่านั้น ภาพรวมที่ชัด ย่อมเกิดจากมองเห็นองค์ร่วมชัดทั่วกัน เมื่อองค์ร่วมไม่ชัด องค์รวมก็ไม่ชัด เมื่อเห็นความสัมพันธ์ขององค์ร่วมชัด ก็คือ การเห็นองค์รวมชัดนั่นเอง ดังนั้นองค์รวมกับองค์ร่วมนี่ต้องไปด้วยกัน
ปัญญาองค์รวมนั้น เอาอย่างง่ายๆ ก็คล้ายกับคนขึ้นไปบนอาคารสูงสัก ๗ ชั้น มองลงมาบนสนามหรือบริเวณมีเนื้อที่สัก ๒-๓ ไร่ ที่คนทั้งหลายทำกิจกรรมกันอยู่ ก็เห็นชัดว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร ทำอะไรกับใคร อะไรไปมาถูกทางผิดทาง และกิจกรรมทั้งหมดดำเนินไปอย่างไร อย่างที่ทางพระเรียกว่า ขึ้นสู่ “ปัญญาปราสาท” หรือ “ปราสาทแห่งปัญญา” (ไม่ใช่หอคอยงาช้าง)
แต่ถ้าแยกเอาออกไปดูเพียงคนหนึ่งสองคนจนเห็นชัดแต่อยู่แค่นั้น หรือไปอยู่ไกลตั้งโยชน์มองมาเห็นทั้งสนามทั้งบริเวณเหมือนกัน แต่ก็เห็นมัวๆ ไปหมดไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร
เวลานี้กำลังจะกลายเป็นว่า หรือบางทีเหมือนกับว่า จะเอาข้างเดียว จะเลิกแยกส่วนแล้วจะเอาองค์รวม พอเอาองค์รวมก็เป็นองค์รวมที่พร่าที่มัวที่คลุมเครือ ก็จะไปไม่รอดอีก แต่จะกลายเป็นสุดโต่ง
คนสมัยก่อนเขาก็องค์รวมมาแล้ว บางทีเราก็ไปติเขาว่า เขาองค์รวมแบบพร่าๆ มัวๆ จึงเป็นเหตุให้ต้องมาวิเคราะห์ แต่พอวิเคราะห์ไปๆ ก็ลืมตัว เลยแยกส่วนกระจายหายไปในด้านของตนๆ ก็เลยไม่ได้องค์รวมอีก
ทีนี้ถ้าจะให้พอดีก็คือ ต้องไปด้วยกันทั้งองค์ร่วมและองค์รวม ทั้งแยกทั้งโยง ทั้งวิเคราะห์ทั้งสังเคราะห์ ถ้าสังเคราะห์ก็ไปอีกขั้นหนึ่ง หมายความว่า เราเห็นองค์ร่วมและองค์รวมชัดแล้ว ทีนี้เราจะสังเคราะห์ขึ้นมาใหม่ เราก็ทำได้ เพราะว่าเมื่อเราเห็นองค์ร่วมชัด เราจะจัดสรร จะทำอะไรต่ออะไร มันก็ได้ผลขึ้นมา
เป็นอันว่า ไม่เอาทั้งนั้น ทั้งองค์รวมที่พร่ามัวคลุมเครือ ทั้งแยกส่วนที่กระจัดกระจาย แต่เอาแยกส่วน จนเห็นองค์ร่วมแต่ละอย่างปรุโปร่ง ว่ามันมาประสานกันเกิดเป็นองค์รวมที่เป็นระบบสัมพันธ์อันชัดเจนอย่างไร