สิ่งทั้งหลายจะสำเร็จขึ้นได้ ผลที่ต้องการจะสัมฤทธิ์ต้องอาศัยการทำให้ถูกต้องตามเหตุปัจจัย นี้คือการปฏิบัติถูกต้องตามธรรม ผู้ที่ปฏิบัติธรรมนั้น ต้องการผลสำเร็จ แม้ภิกษุทั้งหลายที่เจริญกรรมฐาน บำเพ็ญภาวนา ก็ต้องการผลสำเร็จ คือความหลุดพ้นของจิต ต้องการเจโตวิมุติ ต้องการปัญญาวิมุติ แต่สิ่งเหล่านั้นจะเกิดขึ้นเองโดยลำพังความปรารถนา หรืออ้อนวอนให้ใครบันดาลให้ได้หรือเปล่า ก็ไม่ได้ ต้องทำที่เหตุปัจจัย ถ้าทำที่เหตุปัจจัยถูกแล้ว ไม่ต้องไปอยาก ไม่ต้องไปปรารถนา มันก็สำเร็จเอง
พระพุทธเจ้าเคยตรัสอุปมาไว้ว่า แม่ไก่ฟักไข่ ต้องการที่จะให้ไข่นั้นเป็นตัวเป็นลูกไก่ออก จะทำอย่างไร ก็ต้องทำหน้าที่ ทำเหตุปัจจัยให้ถูกต้อง ก็คือขึ้นนั่งฟัก ฟักไข่ กกไข่ เสร็จแล้วเมื่อถึงเวลา ไข่นั้นก็จะเป็นตัวลูกไก่ขึ้นมา แล้วลูกไก่นั้นก็จะเอาจะงอยปากกระเทาะจิกเปลือกไข่ออกมาได้ ก็เป็นลูกไก่สำเร็จรูป แต่ถ้าหากว่า แม่ไก่ไม่ฟักไข่ ไม่ขึ้นกกไข่ แล้วแม่ไก่นั้นจะไปอ้อนวอน ปรารถนา จะไปร้อง ไปขัน ไปตีปีกอย่างไรก็ตาม จะให้ไข่นั้นเป็นตัว แล้วก็เป็นลูกไก่ เอาจะงอยปากจิกไข่ กระเทาะเปลือกออกมา ก็ไม่สำเร็จ อันนี้ฉันใด ผู้ปฏิบัติธรรมก็เช่นเดียวกัน ถ้าปฏิบัติถูกต้องแล้ว ตรงตามเหตุปัจจัยแล้ว แม้ไม่ปรารถนา ไม่อ้อนวอนหวังผล ผลที่ต้องการก็ย่อมเกิดขึ้นมาเอง เจโตวิมุติ และปัญญาวิมุติ ก็สำเร็จ แต่ถ้าไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามธรรม แม้จะปรารถนา แม้จะอ้อนวอน ตั้งความปรารถนาประการใดก็ตาม ก็ไม่มีทางสำเร็จได้
ข้อนี้เป็นหลักเตือนใจ จัดเป็นการพึ่งธรรมอย่างหนึ่ง คือการปฏิบัติตามหลักความจริงของธรรมดา ได้แก่ความเป็นไปตามเหตุ ตามปัจจัย เป็นหลักที่ใช้ได้ทุกระดับ ตั้งแต่การปฏิบัติธรรมเบื้องสูง ถึงความหลุดพ้นจากกิเลส บรรลุพระนิพพาน ลงมาจนถึงการดำเนินชีวิตประจำวัน