จักรใด ขับดันยุคไอที

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต)

“จักร” จะขับเคลื่อนอารยธรรมได้ ต้องหมุนไปด้วยปัญญา

ที่จริงนั้น ประดิษฐกรรมทั้งหลายเกิดมีขึ้น ก็เพื่อประโยชน์แก่ชีวิตและสังคม แล้วเราจะใช้มันเพื่อประโยชน์แก่ชีวิตอย่างไร ใช้เพื่อประโยชน์แก่สังคมอย่างไร

เอาเลย สืบค้นเสาะหาสื่อสารกันเพื่อข้อมูลข่าวสารที่ให้เกิดการศึกษา ที่ส่งเสริมการทำหน้าที่การงาน ที่เอื้อต่อการสร้างสรรค์ ที่นำไปสู่การพัฒนาชีวิต พัฒนาสังคม ทั้งใช้จักรนั้นด้วยปัญญา และใช้มันเพื่อพัฒนาปัญญา อย่างนี้ละก็ก้าวไปได้ในทางสายกลาง จะมีแต่ความเจริญพัฒนา

แต่ถ้าใช้มันเพียงเพื่อสนองความอยากเสพ ความใฝ่บริโภค หาช่องทางบำเรอปรนเปรอ เอาแต่ความสนุกสนานเพลิดเพลิน นั่นก็คือการที่เราอยู่ในเส้นทางสายที่วนเวียนติดจมอย่างน้อยก็ใช้เวลาให้หมดไปเปล่า ความเจริญพัฒนาก็ไม่อาจจะเกิดขึ้นได้

ที่ร้ายกว่านั้นก็คือ พวกที่ใช้จักรหมุนหาผลประโยชน์ให้แก่ตัวในแดน cyberspace นั้น บางคนก็ใช้ทุกวิธีที่จะเอาคนอื่นเป็นเหยื่อ มีการหลอกลวงสารพัตร บ้างก็หมุนจักรไปเพียงเพื่อหาช่องทางทำร้ายผู้อื่นพวกอื่นและทำการร้ายต่างๆ รวมทั้งประดาอาชญากรรม นี่คือทางสุดโต่งที่พากันไปตกหลุม ตกเหว พาชีวิตและสังคมให้เดือดร้อน ถ้าหนักนักก็อาจถึงกับพินาศแหลกลาญ

เป็นอันว่า มาถึงยุคนี้ที่เจริญนักหนา เราก็ก้าวกันไปด้วยวงกลมที่เรียกว่าจักรนี่แหละ เพียงแต่ว่าในยุคนี้เราเดินทางไปในขอบเขตที่กว้างขวางมากขึ้น เป็นโลกาภิวัตน์ ทั่วโลก ทั่วจักรวาล และเข้าสู่แดนที่เป็นนามธรรมมากขึ้น อย่างที่ว่าเรามีโลก มีจักรวาลแห่งจินตนาการ

ที่จริง เมื่ออยู่ในแดนแห่งความคิด หรือแดนแห่งจินตนาการ คนจะต้องเป็นมนุษย์ที่พัฒนาอย่างมาก จึงจะทันกันหรือเหมาะกัน เฉพาะอย่างยิ่งควรมีการพัฒนาทางธรรมทางปัญญาอย่างสูง

ถ้าได้แค่สนุกสนานเสพบริโภคหลงไหลเพลิดเพลิน และแย่งชิงหาผลประโยชน์กัน ก็ไม่รู้จะเจริญไปทำไม

ก็รู้กันอยู่แล้ว ความลุ่มหลงเพลิดเพลินนี้คือโมหะ เป็นอวิชชา แล้วก็ตามมาด้วยโลภะ และโทสะ ที่จะนำไปสู่การเบียดเบียนกัน สู่ความทุกข์และความพินาศ หมุนกลิ้งกันไปในสังสารจักร จมดิ่งลงไปในภวจักร ไม่เห็นจะเป็นอารยธรรมที่ไหน มนุษย์ก็ย่ำเท้าเวียนวนอยู่กับสภาพเก่า ไม่ก้าวไปในอะไรที่ดีจริงเลย

ถ้ามัวประมาทกันอยู่ คนเอาแต่เสพผลของการพัฒนาในอารยธรรมที่ผ่านมา โดยไม่พัฒนาตัวคนเอง อารยธรรมก็จะกินตัวกร่อนลงไปๆ ความเสื่อมสลายก็มาถึงเอง

มาเข้าทางสายกลางกัน แล้วจะได้พาอารยธรรมก้าวไปด้วย พูดมาเสียยาว ที่จริง วันนี้ควรจะพูดกันนิดเดียว

ขอทวนนิดหนึ่งว่า องค์ประกอบอย่างแรกอันสำคัญที่พระพุทธเจ้าตรัสบอกไว้ในทางสายกลาง ก็คือ ให้มีสัมมาทิฏฐิเป็นตัวนำ มีความรู้เท่าทัน มีความรู้เข้าใจใช้ปัญญาและแสวงปัญญา

แม้แต่จะซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ก็ต้องวางแผนก่อน เริ่มต้นก็มีสติถามตัวเองว่า เราจะมีจะใช้มันเพื่ออะไรบ้าง ถ้าจะคำนึงถึงความสนุกสนานเพลิดเพลิน ก็ต้องรู้ว่านั่นเป็นเพียงส่วนข้างเคียง ส่วนเสริม ส่วนพ่วงหรือแถม แต่จุดหมายที่แท้ก็คือ เราจะเอามันมาทำประโยชน์แก่ชีวิต แก่ครอบครัว แก่สังคมได้อย่างไร พัฒนาชีวิตของเราได้อย่างไร ใช้แล้วเราได้ปัญญาไหม ได้ความรู้ไหม อย่างน้อยจะใช้อย่างไรให้คุ้มค่าคุ้มราคา นี่วางแผนการใช้ ใช้ปัญญา ใช้ด้วยปัญญา และใช้เพื่อปัญญา

แม้แต่ใช้แล้วได้รู้ข่าวสารข้อมูล ก็ไม่พอ ต้องเข้าใจเข้าถึงข่าวสารข้อมูลเหล่านั้น และเอาไปใช้ประโยชน์ได้ สนองความต้องการในทางที่เป็นคุณเป็นประโยชน์ได้

ถ้าใช้แล้วลุ่มหลง ชีวิตไม่ดีงาม ปัญญาไม่เจริญพัฒนา ก็ต้องสงสัยว่าผิด ใช้แล้วไม่เกื้อกูลแก่ครอบครัว แก่เพื่อนมนุษย์ แก่สังคม ต้องบอกว่าผิดแน่ เดินทางผิด ไม่ใช่ทางสายกลางแล้ว

ถ้าเดินอยู่ในทางที่ถูกต้อง ไปด้วยธรรมจักร มีล้อรถแห่งธรรม เป็นธรรมยาน เป็นธรรมรถ และแล่นไปในทางสายกลางแล้ว จะเข้า Internet ท่องเที่ยวไปใน cyberspace ไปถึงไหน ก็ไม่ผิดพลาด ไม่เป็นปัญหา จะได้แต่คุณประโยชน์

เพราะฉะนั้น มัชฌิมาปฏิปทา คือทางสายกลางของพระพุทธเจ้านี้ จึงใช้ได้อย่างดี ในยุค cyberspace นี้ด้วย เพียงแต่ขอให้เรานึกถึง และยกขึ้นมาสู่ปัญญา

คิดว่าวันนี้พูดแค่นี้ก็แล้วกัน ไม่ต้องขยายความมาก เป็นเรื่องที่ว่าเราจะต้องรู้จักใช้ประโยชน์จากวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาให้ถูกต้อง

เนื้อหาในเว็บไซต์นอกเหนือจากไฟล์หนังสือและไฟล์เสียงธรรมบรรยาย เป็นข้อมูลที่รวบรวมขึ้นใหม่เพื่อช่วยในการศึกษาค้นคว้าของผู้สนใจ โดยมิได้ผ่านการตรวจทานจากสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
ผู้ใช้พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือหรือเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง