คุณหมอดำรงค์ ธนะชานันท์ จะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน ปี 2543 นี้ นับว่าเป็นวาระสำคัญครั้งหนึ่งในช่วงเวลาของชีวิต ที่โดยทั่วไปถือกันว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แม้ว่าในความเป็นจริง สำหรับแพทย์ การเกษียณอายุราชการจะไม่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก ดังที่คุณหมอดำรงค์เองก็ได้พูดไว้ในหนังสือนี้ แต่อย่างน้อยก็คงจะมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี คือภาระรับผิดชอบที่อาจจะต้องแบกเบาลง ทั้งทางกายและทางใจ กับทั้งจะมีเวลาเป็นของตนเองที่จะทำสิ่งที่มองเห็นคุณค่าน่าทำมากยิ่งขึ้น
ระหว่างรับราชการอยู่ ก็ได้ทำคุณประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองและเพื่อนมนุษย์มามากแล้ว หลังเกษียณ ก็จะได้ทำประโยชน์ที่มีคุณค่าเป็นสาระมากยิ่งขึ้นไปอีกแบบหนึ่ง หรืออีกด้านหนึ่ง มีแต่ดี ไม่มีเสีย
คุณหมอดำรงค์ได้เขียนไว้ว่า เคยเป็นคนไกลวัด บัดนี้ คุณหมอได้มาเป็นคนใกล้วัด และยังมีใจปรารถนาดีอยากให้ผู้ร่วมสังคมได้ประโยชน์จากวัดด้วย จึงพิมพ์หนังสือนี้ขึ้น อันเกี่ยวกัับธรรมบางอย่าง ที่จะเป็นหลักในการดำเนินชีวิตของทุกคน อาตมภาพขออนุโมทนา
ในโอกาสที่ชมรมคณาจารย์จะจัดงานมุทิตาแก่คุณหมอดำรงค์ ในวาระแห่งการเกษียณอายุราชการนี้ จึงหวังว่าจะเป็นมงคลวารที่ควรแก่การแสดงความยินดีสมตามคำที่ใข้เรียกนั้น ด้วยเหตุผลแห่งคุณค่าและประโยชน์ที่หวังว่าจะทำสืบต่อไป ดังคำตอบถามสนทนาที่ปรากฏอยู่ในหนังสือนี้
อาตมาภาพขอร่วมตั้งกัลยาณจิต อาราธนาคุณพระรัตนตรัยอำนวยพรแก่ พลโท นายแพทย์ดำรงค์ ธนะชานันท์ ในวาระสำคัญนี้ ขอคุณหมอ และท่านที่ร่วมสมัยแห่งการเกษียณอายุราชการ พร้อมครอบครัว ญาติมิตร จงเจริญด้วยจตุริทธิบาท และจตุรพิธพร พร้อมทั้งสรรพมงคล ตลอดกาลนาน
พระธรรมปิฎก (ป. อ. ปยุตฺโต)
2 กันยายน 2543