หลักมัชฌิมาปฏิปทานี้มีความหมายกว้างไกล เพราะเป็นเรื่องของปัญญา ทางสายกลางคืออะไร คือ อริโย อัฏฐังคิโก มัคโค เสยยถีทัง สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปโป ฯลฯ หมายถึง มรรคามีองค์ ๘ ประการ อันประเสริฐ ได้แก่สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ ...
เริ่มด้วยมีปัญญาอันเห็นชอบ แล้วมีสติกำกับคอยเตือนพอเจออะไร สติก็มาเตือนทันที ให้ตรวจสอบก่อนว่า เออ วัตถุประสงค์ของเรื่องนี้ที่แท้มันเพื่ออะไร แล้วเรากำลังจะใช้มันถูกทางหรือไม่ ที่ใช้ไปแล้ว ใช้ถูกไหม จะใช้ต่อไป ใช้อย่างไรจึงจะถูก
พอเราใช้ถูกต้อง เราก็เดินไปในทางสายกลาง เป็นมัชฌิมาปฏิปทา วงจักรล้อรถแห่งธรรมก็หมุนขับเคลื่อนธรรมรถพาเราไป
ถ้าไปกับธรรมรถด้วยธรรมจักร ก็ปลอดภัย ลุจุดหมาย ถึงนิพพาน อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในอัจฉราสูตร (สํ.ส.๑๕/๑๔๓/๔๕) ว่า
ทางนั้น ชื่อว่าทางสายตรง ทิศนั้น ชื่อว่าทิศปลอดภัย รถชื่อว่ารถไร้เสียง ประกอบด้วยล้อธรรมจักร มีหิริเป็นฝา มีสติเป็นเกราะกั้น สารถีนั่นฤา เราบอกให้ คือธรรม มีสัมมาทิฏฐินำมุ่งหน้าไป บุคคลใดมียานเช่นนี้ จะเป็นสตรีหรือบุรุษก็ตาม เขาย่อมใช้ยานนั้น (ขับไป) ถึงในสำนักแห่งนิพพาน
เมื่อไปถึงจุดหมายของทางสายกลางแล้ว ก็เป็นคนที่สมบูรณ์ มีชีวิตดีงาม เต็มอิ่ม เป็นอิสระ
บุคคลนั้น ท่านเรียกว่าเป็นผู้ที่ไม่มีอะไรจะต้องทำเพื่อตัวเองอีกต่อไป จึงเป็นผู้พร้อมที่จะทำการทุกอย่าง เพื่อความดีงามความร่มเย็นเป็นสุขที่แท้จริงของมนุษยชาติ
ชีวิตของเขา นับแต่นั้น ก็จะดำเนินตามพุทธคติที่ว่า “พะหุชะนะหิตายะ พะหุชะนะสุขายะ โลกานุกัมปายะ” คือ เพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขของพหูชน เพื่อเกื้อการุณย์แก่ชาวโลก
นี่ก็คือ จักรได้นำอารยธรรมไปสู่จุดหมายที่แท้จริง คือสันติสุขของมนุษยชาติ
ขออนุโมทนาทุกท่านที่ได้มาร่วมทำบุญ ในวันอาสาฬหบูชานี้ ซึ่งเป็นวันสำคัญที่ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า เป็นวันประกาศพระธรรมจักรและแสดงทางสายกลาง
แล้วก็ขอชวนให้เราทั้งหลาย นำเอาวงล้อธรรมจักรมาเป็นเครื่องขับเคลื่อนชีวิต สังคม และอารยธรรม ให้เดินไปในทางสายกลาง สู่ความดีงามความสุขความเจริญ ดังได้กล่าวมา