วันนี้เรามาในงานเกี่ยวกับศพเกี่ยวกับความตายแล้ว เราก็ควรปฏิบัติต่อสถานการณ์นี้ให้เป็นประโยชน์ โดยใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ เอาความตายมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ไม่ให้เป็นการมาที่สูญเสียเปล่า แล้วผลดีก็จะเกิดขึ้นทั้งแก่งาน ทั้งแก่ท่านผู้ล่วงลับ และทั้งแก่ตัวบุคคลแต่ละท่านเองด้วย
พระพุทธเจ้าสอนให้เรามองสถานการณ์ทุกอย่างในแง่ที่เอามาใช้ประโยชน์ได้ หลักการนี้เรียกว่า โยนิโสมนสิการ คือการทำในใจโดยแยบคาย แม้แต่สิ่งที่ร้ายที่สุดคือความตายนี้ ถ้าคิดเป็นแล้วก็เป็นประโยชน์ เอามาใช้พัฒนาชีวิตให้ประสบสิ่งที่ดีงามเป็นประโยชน์สุขได้ เพราะฉะนั้น ท่านจึงสอนให้เรารู้จักคิดรู้จักพิจารณาในเรื่องความตาย โดยมองโยงเข้าไปหาหลักการพิจารณาประจำ ๕ ประการที่กล่าวมา ซึ่งเรียกว่า อภิณหปัจจเวกขณะ มีใจความที่ขอทบทวนอีกครั้งว่า
ไม่ว่าหญิงก็ตาม ไม่ว่าชายก็ตาม ไม่ว่าชาวบ้านก็ตาม ไม่ว่าชาววัดก็ตาม พึงพิจารณาเป็นประจำสม่ำเสมอว่า
ถ้าพิจารณาเข้าใจความจริงเหล่านี้ตามความหมายที่ว่ามาแล้ว ก็จะสามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์แก่ชีวิตในระดับต่างๆ ดังที่อาตมภาพได้กล่าวมา เช่นทำให้เกิดความไม่ประมาทในการเร่งรัดขวนขวายทำความดีงาม ทำประโยชน์ให้เกิดขึ้น ไหนๆ เกิดมาแล้วอยู่กันไม่ถึง ๑๐๐ ปีหรือเกินร้อยปีก็นิดหน่อย ก็อย่าให้เป็นอโมฆชีวิต หรือชีวิตที่ว่างเปล่า แต่ทำให้เป็นชีวิตที่มีค่า มีประโยชน์ ชีวิตจะมีค่ามีประโยชน์ได้ก็ต่อเมื่อไม่ประมาท รู้จักใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ เรียกว่าทำความดี ทำประโยชน์แข่งเวลา ก็จะเป็นชีวิตที่ดีงาม เป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนและแก่ผู้อื่น เป็นชีวิตที่พัฒนาเรื่อยไปด้วยความรู้ความเข้าใจ
เมื่อไปสัมพันธ์กับสิ่งทั้งหลายภายนอกกายของเรา จะเป็นคน สัตว์ หรือสิ่งของก็ตาม ผู้ที่มีปัญญาพัฒนาตนอย่างที่กล่าวมา ก็รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ของเราจริง เป็นของธรรมชาติ เรามาพบปะกันและพบกับมันตามสมมติ เราก็รู้เท่าทันสมมติ ใช้ประโยชน์จากสมมติได้ และเอามันมาใช้เป็นฐานในการพัฒนาชีวิตของเรา เราอาศัยมันเป็นเครื่องอำนวยความสุขในเบื้องต้น แต่เราไม่ตกเป็นทาสของมัน พร้อมกันนั้นเราก็พัฒนาความสุขที่เป็นอิสระให้มากขึ้น จนมีความสุขที่เป็นไทแก่ตน แล้วก็ใช้ทรัพย์สมบัติอำนาจในการสร้างสรรค์ความดีงามและประโยชน์สุข ก่อนที่จะพลัดพรากกับมันไปเสียเปล่าๆ
สิ่งทั้งหลาย เช่นทรัพย์สินอำนาจ ยศตำแหน่งนั้น เมื่อมาอยู่กับเราแล้ว สำหรับบางคน ไม่ได้เป็นประโยชน์เลย กลับเป็นโทษด้วยซ้ำ เพราะเขาขาดปัญญา วางท่าที วางจิตใจ สัมพันธ์ และใช้มันไม่เป็น เพราะฉะนั้น ถ้าเรามีปัญญาก็ต้องคิดว่า ไหนๆ มันมาอยู่กับเราชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้ว ก็ทำให้มันเป็นประโยชน์แก่ชีวิตของตนเอง ในการพัฒนาชีวิตของตัว และให้เป็นประโยชน์แก่โลกในทางสร้างสรรค์ทำประโยชน์ ยิ่งคนไหนมีความคิดดีๆ มีความสามารถ ทรัพย์สินเงินทองอำนาจก็ทำให้เกิดประโยชน์มากมายมหาศาล
อย่างพระพุทธเจ้าของเรานี้ พระองค์มีชีวิตอยู่ก็แค่ ๘๐ ปี แต่เพราะพระองค์รู้จักใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์ ชีวิต สังขารที่ไม่เที่ยงแท้เป็นอนิจจังตามธรรมชาตินั้น พระองค์ก็ใช้อย่างคุ้มค่า ๘๐ ปีนี้เป็นประโยชน์คุ้มมาเป็นเวลาตั้ง ๒๕๐๐ กว่าปีแล้ว และขยายประโยชน์จากชีวิตหนึ่งเดียว ออกไปได้กว้างขวางแก่คนเป็นร้อยล้านพันล้านคนได้
รวมความว่า ทั้งหมดนี้ก็อยู่ที่เข้าใจหลักว่าเรามีกรรมเป็นของตน โลกมนุษย์นี้เป็นแดนแห่งเจตจำนงของมนุษย์ที่คิดปรุงแต่งสร้างสรรค์ ฉะนั้นเราทำอะไรไว้เราก็เป็นเจ้าของมัน โลกมนุษย์นี้เป็นเจ้าของกรรมที่ปรากฏออกมาเป็นอารยธรรมและหายนธรรม มีกรรมเป็นทรัพย์สมบัติ และกำลังได้รับผลแห่งกรรมนั้น เพราะฉะนั้น เราจึงต้องพยายามทำกรรมที่ดีงาม แล้วพัฒนาต่อไปจนกระทั่งไม่ต้องอยู่ด้วยกรรม คือไม่ต้องกระทำเพื่อสนองความต้องการของตัวตน ทำด้วยจิตที่เป็นอิสระ ด้วยปัญญาที่รู้ความจริง มองเห็นอะไรดีงามเป็นประโยชน์ ก็ทำไปตามนั้น ก็จะบรรลุถึงอิสรภาพที่แท้จริง ซึ่งจะช่วยอำนวยประโยชน์ ทำให้เกิดอิสรภาพแก่สังคมหรือบุคคลอื่นต่อไปด้วย
ที่แสดงมาทั้งหมดนี้เป็นประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการพิจารณาในเรื่องมรณะ หรือความตายอย่างถูกต้อง ดังที่โยงไปสู่เรื่อง อภิณหปัจจเวกขณะ ๕ ประการ พุทธศาสนิกชนทั้งหลายพึงปฏิบัติดังที่กล่าวมานี้ คือพิจารณาให้รู้เท่าทันความจริงของชีวิตและโลกนี้แล้วนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ก็จะเกิดผลที่ดีงาม สมดังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า อันเป็นผลเกิดจากเหตุปัจจัย คือการกระทำดีงามที่เป็นกรรมของตนนั้นเอง
ณ โอกาสนี้ อาตมภาพขออนุโมทนากุศลบุญราศีที่คณะเจ้าภาพคือครอบครัว พร้อมทั้งญาติมิตรได้มาร่วมกันบำเพ็ญ การกระทำของท่านก็เป็นกรรมดีอยู่ในตัวตั้งแต่เบื้องต้นอยู่แล้ว ยิ่งถ้าทำด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง วางจิตถูกต้อง ก็เป็นกรรมดียิ่งขึ้นต่อไปอีก
ท่านที่มาร่วมในงานนี้ทุกท่านก็มาด้วยจิตใจที่มีไมตรีธรรม มีความรู้สึกที่ดีงาม มีความเคารพ มีน้ำใจต่อกัน ก็เป็นกรรมดีอยู่ในใจแล้ว ถ้ายิ่งมีความเข้าใจในธรรม น้อมใจเข้ามาพิจารณาตามหลักที่กล่าวมาก็จะได้ประโยชน์เป็นกุศลยิ่งขึ้นไป และกุศลกรรมก็จะนำไปสู่ความสุขความเจริญ จึงขอเชิญชวนทุกท่านพัฒนาชีวิตสู่จุดหมายแห่งอิสรภาพและความสุขที่เป็นไท ก็จะได้ประโยชน์ตามกำลังแห่งการปฏิบัติของตนๆ
อาตมภาพได้วิสัชนาพระธรรมเทศนามาพอสมควรแก่เวลา ขอให้กุศลกรรมที่ท่านทั้งหลายทำแล้วนี้ จงเกิดผลงอกเงยยิ่งขึ้นไป บันดาลให้ชีวิตของแต่ละบุคคลและสังคม ประสบประโยชน์สุขโดยทั่วกัน และขอทุกท่านจงอุทิศกุศลนี้แก่โยมกิมวา แซ่อุ่ย ผู้ล่วงลับไปแล้ว เพื่อให้ท่านได้อนุโมทนาและสำเร็จเป็นวิปากสมบัติในสัมปรายภพสืบต่อไป
วิสัชนาพระธรรมเทศนาถึงเวลาอันสมควร ยุติลงแต่เพียงเท่านี้ เอวัง ก็มี ด้วยประการฉะนี้