ถาม เป็นไปได้ไหมครับที่มีคนพูดว่า บ้านเมืองไทยไม่เคยมีพระพุทธศาสนาที่แท้จริงเลย
ตอบ เรื่องนี้ไม่ใช่จะวินิจฉัยกันได้ง่ายๆ หรือตอบเด็ดขาดทันทีไป เราจะต้องศึกษาประวัติศาสตร์ให้ละเอียดลออ วิเคราะห์ให้ชัดเจน เพราะว่าเรื่องประวัติศาสตร์เมืองไทย เรายังไม่ได้มีการศึกษาให้ละเอียดเพียงพอ ไม่ควรจะด่วนว่าไป คำถามที่ว่านั้น ก็เป็นข้อสังเกตที่ควรรับฟัง และเมื่อรับไปแล้ว ก็เป็นฐานสำหรับการพิจารณาและศึกษาค้นคว้า
คนที่ฟังนี้ก็มี ๒ พวก พวกหนึ่งพอได้ยินเขาว่าบ้านเมืองไทยไม่เคยมีพระพุทธศาสนาแท้จริง ก็เลยพลอยเห็นตามไปเสีย อีกพวกหนึ่งก็เป็นฝ่ายตรงข้าม คือเอียงสุดไปอีกข้างหนึ่ง พอเขาว่าอย่างนี้ก็โกรธได้แต่ด่าตอบเขาไป ความจริงควรจะถือว่าเป็นคำเตือนสติที่มีประโยชน์ เป็นข้อสังเกตที่น่าศึกษาพิจารณา แล้วก็นำไปเป็นพื้นฐานในการที่จะศึกษาค้นคว้าอย่างแท้จริง ให้เกิดความรู้ความเข้าใจว่า อะไรกันแน่ เป็นอย่างไรกันแน่ อาจจะเป็นจริงก็ได้ หรืออาจจะไม่เป็นจริงก็ได้
คนที่พูดคำนี้อยู่ในยุคปัจจุบันที่สภาพห่างไกลจากพระพุทธศาสนาได้เกิดขึ้นแล้ว หรือเรียกว่ามีการแยกทางโลกกับทางธรรมมาก หรือว่ากิจการทางฝ่ายรัฐกับฝ่ายพระสงฆ์ได้มีการแยกห่างกันอะไรทำนองนี้แล้ว คนที่เกิดในยุคนี้มีความห่างในด้านพื้นฐานทางวัฒนธรรม ภาพที่มองเห็นอาจจะไม่ชัดดีเท่าที่ควรก็เป็นได้ ยิ่งกว่านั้น สภาพของพระพุทธศาสนาปัจจุบันที่เราประสบอยู่ ก็อาจจะไม่ใช่เครื่องส่องที่ชัดเจนในการที่จะเอาไปใช้มองพระพุทธศาสนาในยุคก่อนๆ ว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ และสมัยก่อนก็มีหลายยุคหลายตอน แบ่งซอยออกไปได้มาก ในสมัยก่อนบางสมัย บางตอนอาจจะมีดีๆ ที่เรายังไม่รู้ ไม่เข้าใจทั่วถึงชัดเจนก็ได้ บางอย่างของสมัยก่อนเราอาจจะรับมาในส่วนที่เป็นเปลือกเป็นกระพี้ หรือสืบทอดกันมาในรูปที่คลาดเคลื่อนไปแล้ว เราก็เหมาเอาว่า อย่างนั้นเป็นพระพุทธศาสนาในเมืองไทยสมัยก่อนๆ ทุกยุคทุกสมัยไปก็อาจจะผิดพลาดได้ แต่อย่างที่กล่าวแล้วข้างต้นว่า อย่างน้อยคำกล่าวที่ว่านี้เป็นข้อสังเกตชนิดเตือนสติได้อย่างดี
อาจจะเป็นได้หรือน่าจะเป็นได้ว่า ในหลายยุคหลายสมัยทีเดียวเรามีพระพุทธศาสนาไม่แท้จริง หรือคนที่เข้าถึงความแท้จริงของพระพุทธศาสนามีน้อยเหลือเกิน คนส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ความเข้าใจเช่นนั้น และในเวลาเดียวกัน สภาพปัจจุบันอาจเสื่อมทรามกว่าหลายยุคหลายสมัยของอดีต เช่นการนับถือที่คล้ายๆ กัน ซึ่งมีมาในสมัยก่อนกับที่เป็นอยู่ในสมัยปัจจุบัน ความจริงอาจไม่เหมือนกันก็ได้ แม้แต่การนับถือผี สาง เทวดา ความเชื่อในไสยศาสตร์ของคนไทยสมัยก่อนกับสมัยนี้ ที่เขานับถือและปฏิบัติ สมัยก่อนก็อาจมีแง่มีมุมที่ถูกต้องมีหลักเกณฑ์บางอย่าง แต่ว่าสมัยนี้มันคลาดเคลื่อนไป ในสมัยนี้กลับเสื่อมลงไป ไปสู่ทางที่ผิดลุ่มหลงงมงายยิ่งกว่าสมัยก่อนก็อาจจะเป็นไปได้ เมื่อเรายังไม่ได้ศึกษาชัดเจน เราก็อาจจะมองสุ่มๆ กันไปว่า การนับถือเชื่อถือเรื่องเหล่านี้ของสมัยก่อนเหมือนสมัยนี้
ขอตั้งข้อสังเกตเพิ่มขึ้นอีกหน่อยหนึ่งว่า ปัจจุบันนี้ในทางตะวันตก ฝรั่งบางพวกเขาเริ่มตั้งข้อสังเกตว่า อารยธรรมของเขากำลังเกิดปัญหา แล้วปัญหานี้ก็เกิดจากความงมงายในวิทยาศาสตร์และความงมงายในเทคโนโลยี ทีนี้หันมาดูในเมืองไทยเราปัจจุบันนี้ เทียบกับสมัยก่อนๆ อาจจะมีความงมงายในพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นบ้างในบางยุคบางสมัย ถ้าหากว่าไม่ทั้งหมด
ถ้าในกรณีที่ว่าบ้านเมืองไทยไม่เคยมีพระพุทธศาสนาที่แท้จริงเลย ก็กลายเป็นว่าเคยมีแต่ความงมงายในพระพุทธศาสนา ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ในสมัยปัจจุบันนี้มันจะหนักกว่านั้น คือมีทั้งความงมงายในพระพุทธศาสนา ความงมงายในวิทยาศาสตร์ ความงมงายในเทคโนโลยี มาผสมโรงกันเต็มที่
ตัวของพระพุทธศาสนาเองไม่ใช่เรื่องงมงาย วิทยาศาสตร์ก็ไม่ใช่เรื่องงมงาย และเทคโนโยลีก็ไม่จำเป็นต้องงมงาย แต่ว่าคนไปนับถือปฏิบัติอย่างงมงาย เพราะฉะนั้นก็ต้องมีการแก้ไขให้มีการนับถือพระพุทธศาสนาชนิดที่ไม่งมงาย มีวิทยาศาสตร์ชนิดที่ไม่งมงาย มีเทคโนโลยีที่ไม่งมงาย