ชีวิตกับการทำงาน

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต)

ขอเจริญพร ท่านอาจารย์สุลักษณ์ พร้อมทั้งญาติมิตรและคณะผู้ทำงานทุกๆ คน

วันนี้อาตมามา ก็เป็นการที่ได้รับนิมนต์มาแบบสบายๆ นิมนต์มาฉันภัตตาหารแล้วก็มีการสนทนากัน พูดให้กันฟังบ้าง ตามปกติ ว่าถึงการเลี้ยงพระ โดยมากก็นิมนต์ไปตามบ้าน นานๆ จึงจะมีนิมนต์ไปที่ทำงาน ถ้านิมนต์ไปที่ทำงาน โดยมากก็เป็นพิธีเปิดหรือพิธีการอื่นๆ ในทำนองนั้น เป็นเรื่องของพิธี แต่ที่นิมนต์มาคราวนี้ ไม่เชิงเป็นพิธีการ มาแบบมาคุย มาสนทนา สำนักงานก็เปิดอยู่แล้ว ก็เลยกลายเป็นว่ามาพบกับคนที่ทำงาน และก็เป็นเรื่องของการมาพบกับคนที่มีชีวิตในแนวเดียวกัน เพราะอยู่ในสำนักงานเดียวกัน ทำงานประเภทเดียวกัน

 

ความหมายของงาน

งานเป็นเรื่องสำคัญ แต่โดยทั่วไปพูดกันง่ายๆ คนมักมองความหมายของงานเพียงในแง่ว่า เป็นเครื่องช่วยในการเลี้ยงชีวิต มีงานทำก็จะช่วยให้เรามีเงินมีทองใช้และเป็นอยู่ได้ เรียกว่ามีอาชีพนั่นเอง คนที่ไม่มีงานทำก็เดือดร้อนมาก ถ้าเปรียบในแง่นี้แล้ว คนที่มีงานการทำก็สบายใจ มีความสุขได้อย่างหนึ่ง อย่างน้อยตัวก็มีทางที่จะได้เงินได้ทองใช้ เป็นทางที่จะให้มีความสุข เคยมีคำขวัญสมัยหนึ่งว่า งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข เพราะถ้ามีงานทำแล้วก็มีเงินใช้ และเงินก็ทำให้มีงาน เมื่อมีงานก็ทำให้มีเงิน และก็ทำให้มีความสุข แต่ว่าที่จริงมันไม่ใช่แค่นั้น งานไม่ใช่แค่คือเงิน อันนี้เป็นความหมายเบื้องต้นที่มองกันง่ายๆ แค่วัตถุ แต่งานนั้นมีความหมายลึกซึ้งลงไปอีกมาก เพราะงานทำให้กิจการ ทำให้โลกนี้ เป็นไปได้ สิ่งที่เราเรียกว่าการพัฒนา หรือการสร้างสรรค์ ตลอดจนกิจการบ้านเมืองทุกอย่างเป็นไปได้ก็เพราะว่าคนทำงาน ถ้าไม่มีการทำงานแล้ว ความเจริญก้าวหน้าต่างๆ ก็เป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม อันนี้ก็ยังอยู่ในขั้นที่เน้นวัตถุอยู่ดี

ลองมองต่อไปอีก แคบเข้ามาก็ชีวิตของเรา งานทำให้ชีวิตมีคุณค่า คนที่ได้ทำงานก็จะรู้สึกว่าตัวได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ รู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่า ถ้าอยู่เฉยๆ เลื่อนลอย บางทีก็เกิดความรู้สึกว่าชีวิตนี้ว่างเปล่าไม่มีความหมาย ฉะนั้น งานจึงเป็นสิ่งที่ให้ความหมายแก่ชีวิต แต่งานที่จะให้ความหมายแก่ชีวิตอย่างแท้จริงนั้น ตามปกติก็ต้องเป็นงานที่มีคุณค่า มีประโยชน์ด้วย เป็นธรรมดาว่าการที่เรามีงานกันขึ้น ก็ต้องมีความมุ่งหมายอยู่แล้วว่าเพื่อประโยชน์อะไรสักอย่าง จึงทำขึ้นมา ฉะนั้น ตามปกติแล้วงานทั่วไปก็ต้องมีความมุ่งหมาย มีคุณค่า มีประโยชน์อะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นแต่ว่าผู้ที่ทำงานนั้นจะมีความเข้าใจในความมุ่งหมาย และความหมายของงานนั้นหรือไม่ มองเห็นประโยชน์แค่ไหน ถ้ามองเห็นประโยชน์แล้วก็มีศรัทธา ศรัทธาก็คือการที่มีความเชื่อ ความมั่นใจ เห็นคุณค่า เห็นประโยชน์ของสิ่งนั้น และศรัทธานี่จะเป็นตัวสำคัญ เป็นหลักที่อยู่ในใจที่จะทำให้การทำงานข้างนอกที่เป็นเรื่องทางร่างกาย หรือเป็นเรื่องทางสังคม เกิดความหมาย เป็นประโยชน์ที่แท้จริง เพราะฉะนั้น งานก็ไม่ใช่เป็นเพียงภาพที่ปรากฏมองเห็นกันภายนอกเท่านั้น แต่จะต้องมีหลักในทางจิตใจเป็นฐานอยู่ด้วย หลักอันแรกก็คือ ศรัทธา ถ้าเราจะทำงานให้สบายมีความสุข ก็จะต้องมีศรัทธาในงานด้วย แล้วงานก็จะไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เราฝืน หรือมีความรู้สึกเบื่อหน่ายและเหน็ดเหนื่อย หรือรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่จะทำพอให้เสร็จๆ พ้นๆ ไป

เนื้อหาในเว็บไซต์นอกเหนือจากไฟล์หนังสือและไฟล์เสียงธรรมบรรยาย เป็นข้อมูลที่รวบรวมขึ้นใหม่เพื่อช่วยในการศึกษาค้นคว้าของผู้สนใจ โดยมิได้ผ่านการตรวจทานจากสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
ผู้ใช้พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือหรือเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง