นี่คือคุณสมบัติของกัลยาณมิตร ผู้ที่มีกัลยาณมิตรอย่างนี้ จะมีความรู้สึกเป็นสุขในเบื้องต้น และมีความมั่นใจเกิดกำลังใจที่จะปฏิบัติ พร้อมทั้งได้ข้อปฏิบัติอันถูกต้อง ที่จะนำมาใช้ในการที่จะพึ่งตนเองต่อไป เพราะฉะนั้น การพึ่งตนเองนั้น จึงไม่ใช่เป็นความแห้งแล้ง แต่เป็นไปอย่างมีความรู้สึกอุ่นใจและมั่นใจว่า มีผู้คอยช่วย คอยโอบอุ้มเราอยู่ เป็นแต่ว่าการช่วยเหลือนี้ เป็นไปในขอบเขตที่ท่านจะทำได้จริงๆ ทำให้ตัวเราเองเก่งขึ้นแข็งขึ้น ไม่ใช่ให้เราอยู่กับความหวังที่งมงายลมๆ แล้งๆ และอ่อนแอลงไปทุกทีๆ
เป็นอันว่า กัลยาณมิตรนั้นท่านช่วยเรา ด้วยการช่วยอย่างประเสริฐ คือ ช่วยให้เราพึ่งตนช่วยตัวเองได้ และช่วยให้เราเข้มแข็งยิ่งขึ้น ถ้าการช่วยเหลือใดทำให้เราอ่อนแอลง และยิ่งต้องหวังพึ่งเขาเรื่อยไป การช่วยนั้นก็ไม่ประเสริฐ ไม่ทำให้คนเป็นอิสระ ผู้ที่ช่วยอย่างนั้นไม่ใช่กัลยาณมิตรแท้จริง
พุทธศาสนิกชนนั้น จะต้องระลึกถึงว่า พระพุทธเจ้าทรงสอนเรานั้นคือทรงทำหน้าที่กัลยาณมิตรอย่างนี้ คือการที่เป็น อกฺขาตาโร ตถาคตา เป็นผู้บอก เป็นผู้แนะนำชี้ทางให้ เราทั้งหลายจะต้องทำความเพียรด้วยตนเอง ฉะนั้นจะต้องทำให้ตรงตามความจริงที่จะต้องเอาธรรมมาใส่ตน จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักการแห่งธรรม คือความจริงแห่งธรรมดา ได้แก่ความเป็นไปตามเหตุและปัจจัย ดังที่กล่าวมาอย่างนี้
ถ้ายังรู้สึกว่ามีความเข้มแข็งไม่พอ ก็ให้ระลึกต่อไปอีกอย่างหนึ่ง คือนึกว่า คนที่ไม่คิดจะทำอะไรด้วยตนเอง ไม่เพียรพยายามด้วยตนเอง หวังพึ่งอำนาจภายนอกมาดลบันดาล อยู่ด้วยความอยากความปรารถนานั้น เท่ากับเป็นคนที่ดูถูกตนเองด้วย คือดูถูกความสามารถของตนเอง เหมือนกับเป็นคนไม่มีความสามารถ ทำอะไรไม่ได้ ทั้งที่ว่าความจริงนั้น คนเราทุกคนมีศักยภาพที่จะทำอะไรให้ตนเองได้