เมืองไทยจะวิกฤต ถ้าคนไทยมีศรัทธาวิปริต

Somdet Phra Buddhaghosacariya (P. A. Payutto)

รู้หลักแล้ว ศาสนาอยู่ที่ตัวเรา
ไม่ต้องเอาศาสนาไปแขวนไว้กับใคร

อย่าว่าแต่บุคคลที่เกิดขึ้นในยุคสมัยหนึ่งๆ เลย แม้แต่องค์พระพุทธเจ้าเองก็ไม่ผูกมัดใครและไม่ผูกขาดอะไร พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้แล้วนี่ เราฟังพระสวดอยู่เสมอว่า อุปฺปาทา วา ภิกฺขเว ตถาคตานํ อนุปฺปาทา วา ตถาคตานํ พระพุทธเจ้าตรัสบอกว่า ตถาคตคือพระพุทธเจ้าทั้งหลายจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม หลักความจริงก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้นๆ ตถาคตเพียงแต่ค้นพบความจริงนั้นแล้วนำมาเปิดเผย แสดง ชี้แจง ทำให้เข้าใจง่ายว่าความจริงเป็นอย่างนี้ๆ

หน้าที่ของพระพุทธเจ้าคือเป็นผู้เปิดเผยความจริง และด้วยความสามารถ ก็ทรงสอนแนะนำทำให้เราเข้าใจหลักความจริงนั้น คือทรงพาให้เราเข้าถึงความจริงที่มีเป็นธรรมดาอยู่แล้วนั้นแหละ

ตัวความจริงที่เป็นอยู่ตามธรรมดานี่ซิสำคัญ แม้แต่พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นมาแล้ว พระองค์ก็ผ่านไป แต่ตัวหลักความจริงนั้นก็คงอยู่ หมายความว่า ความจริงเป็นธรรมชาติ มีอยู่ตามธรรมดาตลอดเวลา พระพุทธเจ้ามาช่วยให้เราเข้าถึงความจริงนั้น เราเข้าถึงความจริงแล้ว เราก็อยู่กับความจริงนั้น พระพุทธเจ้าทำหน้าที่ของพระองค์แล้ว พระองค์ก็ผ่านไป ความจริงก็อยู่นั่น ไม่หายไปไหน พระพุทธเจ้าไม่ได้พาเอาความจริงดับไปด้วย เรารู้ความจริง ถึงความจริงแล้ว ความจริงก็อยู่กับเรา พระศาสนาก็อยู่กับเรา เป็นของเรา

ครูอาจารย์รุ่นหลังนี้ไม่ถึงพระพุทธเจ้าด้วยซ้ำ ท่านเป็นพระสาวกหรือลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า ท่านมาช่วยแนะนำให้เรารู้เข้าใจหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ อาจจะเรียกว่ามาพาเราไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พระอาจารย์พาเราไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเสร็จ ก็หมดหน้าที่ เรื่องของเราก็คือฟังพระพุทธเจ้าต่อไป

เมื่อฟังพระพุทธเจ้าแล้ว เราเข้าถึงหลักถึงความจริง เราก็ไปอยู่กับหลักความจริงนั้น ก็จบ ตัวหลักความจริงนั้นเป็นมาตรฐาน เป็นของจริงแท้แน่นอน เป็นตัวธรรม เป็นธรรมชาติ เมื่อเราจับหลักได้แล้ว ก็ไม่แกว่งไม่ไกวไปไหน

เวลานี้คนไม่มีหลัก แกว่งไกวไปตามกระแสข่าวเล่าลือ และกระแสค่านิยม เอาตัวไปผูกติดไว้กับบุคคลที่ผ่านไป ผ่านมา เอาศาสนาไปแขวนไว้กับบุคคลนั้น ก็เลยเลื่อนลอยไป หรือถูกชักลากไปเรื่อยๆ พอบุคคลนั้นมีอันเป็นไป ไม่ใช่ของแท้ของจริงที่มั่นคง คนเหล่านี้ก็ถูกซัดเหวี่ยงกลิ้งกระดอนกระทบกระแทกช้ำชอกไป หรือไม่ก็หล่นหลุดกระเด็นไปเลย

เป็นอันว่า เวลานี้พุทธศาสนิกชนได้บทเรียน สำหรับท่านที่มีหลักอยู่บ้างแล้ว ก็ได้บททดสอบ ถ้าเรารู้จักใช้เหตุการณ์นี้ให้เป็นประโยชน์ มันก็กลับดี เพราะเป็นการกระแทกหรือกระตุกอย่างแรงให้เรารู้ตัวหรือตื่นขึ้นมา แล้วหันมาหาหลัก มาเข้าสู่ทางที่ถูกต้อง ดีกว่าจะช้านานไป จนเตลิดกันไปไกล ซึ่งอาจจะสายไปเสียแล้ว อย่างน้อยก็ทำให้เรามีความเข้มแข็งมั่นคงขึ้น และรู้จักที่จะปฏิบัติต่อพระพุทธศาสนาให้ถูกต้อง

พระพุทธเจ้าตรัสไว้นักหนาให้ทุกคนอยู่กับหลัก เช่นตรัสสอนไม่ให้เอาศรัทธาไปขึ้นต่อบุคคล ถ้าศรัทธาขึ้นต่อตัวบุคคล บุคคลนั้นมีอันเป็นไป เช่น ตายบ้าง ต้องอาบัติหนักบ้าง หรือมีอันเป็นอะไรไปอย่างใดอย่างหนึ่ง เขาก็จะไม่ยอมฟังใครแสดงธรรมอีกต่อไป แล้วเขาก็จะพลาดจากประโยชน์ที่ควรจะได้

สำหรับพระสงฆ์ พระพุทธเจ้าเตือนหนักยิ่งกว่านั้นอีก ทรงเตือนว่า ถ้าพระประพฤติตัวไม่ดี พระก็จะเป็นมหาโจร มหาโจรมี ๕ ประเภท1 แต่อาตมภาพจะไม่นำมาแสดงในที่นี้ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่ามาพูดอะไรที่ไม่เป็นสิริมงคล ในโอกาสนี้ที่โยมอาจจะถือว่าเป็นเวลามงคล โยมต้องไปค้นคว้าเอา

เพราะฉะนั้น พระจะต้องไม่ประมาท ต้องระวังตัว ต้องประพฤติปฏิบัติอยู่ในหลัก ต้องทำหน้าที่ของตัวให้ถูกต้อง หน้าที่ของพระก็คือพาโยมให้เข้าไปสู่หลักความจริง แล้วตัวก็หมดหน้าที่ ถ้ามิฉะนั้นก็จะเอาพระศาสนามาแขวนไว้กับตัวเอง

พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เราพึ่งตัวเองได้ ให้เราเป็นอิสระ พระพุทธเจ้าไม่ยอมให้ใครมาขึ้นต่อพระองค์ ตอนแรกเราอาจจะไปศรัทธาต่อพระองค์ เพื่อจะได้ให้พระองค์นำเราเข้าสู่คำสอน เข้าสู่ความจริง แต่ในที่สุดเราจะต้องพึ่งตัวเองได้ เป็นอิสระ จะเห็นว่า ศรัทธาไม่เป็นคุณสมบัติของพระอรหันต์ ท่านเชื่อไหม

1ดู มหาโจร ๕ ใน ภาคผนวก
The content of this site, apart from dhamma books and audio files, has not been approved by Somdet Phra Buddhaghosacariya.  Such content purpose is only to provide conveniece in searching for relevant dhamma.  Please make sure that you revisit and cross check with original documents or audio files before using it as a source of reference.