ในการที่จะคิดเห็นพิจารณาเรื่องต่างๆ ให้ได้ผลดีนั้น ขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง คือการหาข้อมูลความรู้ ให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนและเพียงพอ
ในขั้นตอนที่ว่านี้ จุดเน้นที่สำคัญยิ่งตอนหนึ่งก็คือ การรวบรวมและแสดงข้อมูลความรู้ให้ดูตามที่มันเป็น โดยไม่ใส่ความคิดเห็นหรือข้อวิจารณ์ใดๆ
เมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้นในบ้านเมือง หน้าที่อย่างหนึ่งของรัฐ ตลอดจนสื่อทั้งหลาย ก็คือ การเผยแพร่ข้อมูลความรู้ตามที่มันเป็น อันไม่เจือปนความคิดเห็นอย่างที่ว่านี้
เรื่องศาสนาประจำชาตินี้ก็เช่นกัน มีขั้นตอนสำคัญขั้นหนึ่งคือ การแสวง และแสดงข้อมูลความรู้ ให้ผู้คนจะแจ้งถ่องแท้ชัดเจนตามที่มันเป็น เท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อประชาชนรู้แล้ว เขาจะคิดเห็นอย่างไร ก็ให้โอกาส และจะได้เป็นการเคารพต่อสติปัญญาของเขา
ในที่นี้ จะพูดถึงข้อมูลความรู้เกี่ยวกับเรื่องศาสนาประจำชาติไว้เป็นฐาน และเป็นทุน ที่จะใช้ในการคิดเห็นพิจารณาต่อไป
คำว่า “ศาสนาประจำชาติ” เราต้องเข้าใจตามที่สังคมภายนอกเขารู้เข้าใจด้วย แล้วจะเทียบดูกับความรู้เข้าใจของตัวเราเองอย่างไร ก็พิจารณาเอา
พอพูดว่า “ศาสนาประจำชาติ” คนปัจจุบันก็มักนึกไปตามความหมายของฝรั่ง แต่มักนึกไปตามที่คิดเอาเอง โดยไม่รู้ว่าที่จริงนั้น ฝรั่งหมายเอาความอย่างไร
ฝรั่งเรียกศาสนาประจำชาติโดยใช้คำว่า state religion บ้าง official religion บ้าง
นอกจากนั้นยังมีคำที่มีความหมายใกล้เคียงอีก ได้แก่คำว่า national religion บ้าง national church บ้าง established church บ้าง
ประเทศที่มีศาสนาประจำชาตินั้นมีมากมาย ทั้งคริสต์ และ อิสลาม ตลอดมาถึงพุทธศาสนา และศาสนาฮินดู
แต่ที่เหนือกว่าการเป็นศาสนาประจำชาติก็คือ เป็นประเทศของศาสนานั้นโดยตรง
ประเทศที่สถาปนาเป็นดินแดนแห่งศาสนาโดยตรง เท่าที่พบ ก็มี
ถัดลงมาคือประเทศที่มีศาสนาประจำชาติ ซึ่งก็เป็นประเทศมุสลิมมากที่สุด (หนังสือ The Oxford Illustrated Encyclopedia, 1993 บอกว่า ประเทศที่มีศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ มีประมาณ ๔๕ ประเทศ แต่ไม่ได้ทำบัญชีบอกไว้ ในที่นี้ ได้ค้นมาให้ดู ๑๔ ประเทศ ใครมีเวลา อาจจะช่วยค้นมาดูให้ครบ เพื่อเป็นความรู้) ได้แก่
สำหรับซาอุดีอาระเบีย (ชื่อทางการเรียกว่า ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย/Kingdom of Saudi Arabia) มีข้อที่ควรทำความเข้าใจพิเศษว่า
แม้จะจัดเข้าในกลุ่มประเทศที่มีศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ แม้จะไม่ได้เรียกชื่อประเทศว่าเป็นรัฐอิสลาม หรือสาธารณรัฐอิสลาม แต่รัฐประกาศิตได้ตราไว้ว่า ซาอุดีอาระเบีย เป็น Islamic State คือเป็นรัฐอิสลาม และบัญญัติให้พระคัมภีร์อัลกุรอ่าน พร้อมทั้งซุนนะฮ์ (Sunnah) เป็นรัฐธรรมนูญ โดยให้ประเทศใช้กฎหมายอิสลาม
ชาวซาอุดีอาระเบียส่วนใหญ่ถือปฏิบัติตามหลักศาสนาอิสลามนิกาย สุหนี่อันเคร่งครัด ที่เรียกว่าลัทธิวาฮ์หะบี (Wahhabism) มีตำรวจศาสนาที่เรียกว่า “มุตอวีน” (mutawwiin) คอยตรวจตรากำกับให้ประชาชนปฏิบัติตามข้อบัญญัติ เช่น ให้ร้านค้าปิดในเวลาละหมาด เป็นต้น ประชากรที่มีสัญชาติซาอุดีอาระเบียเป็นมุสลิมทั้งหมดทั้งสิ้น คนที่มิใช่เป็นมุสลิม เป็นคนต่างชาติเท่านั้น
มีขบวนการมุสลิมที่เคร่งครัดในหลายประเทศต่อสู้เพื่อให้ประเทศของตนเป็นรัฐอิสลาม และใช้กฎหมายอิสลาม2 ตัวอย่างในระยะใกล้ๆ นี้ ก็เช่น อียิปต์ แอลจีเรีย และอินโดนีเซีย
(โดยเปรียบเทียบ กล่าวกันว่า ในอินโดนีเซีย ที่มีประชากรมุสลิม ๘๕% ชาวมุสลิมที่นั้นมีความเคร่งครัดหย่อนกว่าในที่อื่นๆ และมีขบวนการที่เรียกว่ากบฏ ในรัฐอาเจะฮ์/Acheh/Aceh ซึ่งได้ต่อสู้กับรัฐบาลมาหลายสิบปีแล้ว เพื่อให้อินโดนีเซียเป็นรัฐอิสลาม หรือไม่ก็แยกตัวออกไป)
ประเทศที่มีศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติก็มีไม่น้อย แต่มักจะระบุชื่อนิกายใดนิกายหนึ่ง เป็นศาสนาประจำชาติ มากกว่าจะออกชื่อศาสนาคริสต์ ขอยกมาให้ดู
ยังมีประเทศอื่นๆ ที่เคยมีศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติ แต่ประสบความเปลี่ยนแปลงในประวัติศาสตร์แล้วพ้นภาวะนั้นไป เช่น
อาร์เมเนีย/Armenia (เป็นชนชาติที่ถือว่าตนนับถือศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติก่อนใครอื่น ตั้งแต่ต้น ค.ศต. 4 ปัจจุบันมีชาวคริสต์ ๘๓%) และ
ยูเครน/Ukraine (นับถือศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติตั้ง แต่ ค.ศ. 988 ปัจจุบันมีชาวคริสต์ ๖๕%) ซึ่งได้เข้ารวมในสหภาพโซเวียต (เป็นคอมมูนิสต์) อยู่นาน จนเพิ่งพ้นออกมาเมื่อสหภาพโซเวียตนั้นสลายในปี 1991/๒๕๓๔)
ฮังการี/Hungary (โรมันคาทอลิก ๖๓% แคลวินิสต์และลูเธอแรน ๒๕%) ก็มี ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เป็นศาสนาประจำชาติตั้งแต่ ค.ศ. 1000 แต่ต่อมาได้ถูกต่างชาติปกครอง และระหกระเหินมาจนกลายเป็นประเทศคอมมูนิสต์บริวารของสหภาพโซเวียต แล้วมาเข้าสู่ ระบบประชาธิปไตยอีกในปี 1990/๒๕๓๓
ประเทศอิสราเอล/Israel (ยิว ๗๗% มุสลิม ๑๒%) รู้กันว่าเป็นประเทศเดียวที่มีศาสนายิว (Judaism) เป็นศาสนาประจำชนชาติ
ต่อไป ประเทศที่มีศาสนาฮินดูประจำชาติ ได้แก่ประเทศเนปาล (ฮินดู ๘๖% พุทธ ๘% มุสลิม ๔%)
ส่วนประเทศที่มีพระพุทธศาสนา เป็นศาสนาประจำชาติ ได้แก่3
ภูฎาน/ภูฐาน/Bhutan (พุทธ ๗๕% ฮินดู ๒๑%)
สิกขิม/Sikkim เคยเป็นประเทศเอกราชและมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ แต่ปัจจุบัน สิกขิมได้เข้ารวมเป็นรัฐที่ ๒๒ ของอินเดียแล้ว
ที่ว่ามานี้ เป็นข้อมูลข้อเท็จจริงที่จำเป็นต้องรู้ ยกมาให้อ่านให้ดูกันเพียงเป็นตัวอย่าง เรื่องที่ควรรู้ยังมีอีกมาก
ถ้าต้องการพูดและปฏิบัติต่อสถานการณ์ให้ถูกต้อง จะต้องหาความรู้กันให้จริงจัง จึงขอให้ท่านผู้หวังดีต่อส่วนรวมค้นหามาบอกกัน ไม่ใช่แค่พูดกันไปเรื่อยๆ เปื่อยๆว่า สังคมยุคไอที เป็นสังคมแห่งความรู้
ถ้ามีข้อมูลเป็นฐานไว้พรั่งพร้อมดีแล้ว ต่อไปจะคิดเห็นจะพูดจะทำการใดๆ ก็จะศักดิ์สิทธิ์สัมฤทธิ์ผลจริง ปาฏิหาริย์จึงจะเกิดขึ้นได้