โครงสร้างพระไตรปิฎก และความหมายในภาษาอังกฤษ
บรรยายเมื่อ ๒๘ มกราคม ๒๕๑๕
พระภิกษุผู้สืบต่อพระพุทธศาสนา ควรมีความรู้พอจะอธิบายพระไตรปิฎก ให้บุคคลภายนอกเข้าใจได้ถูกต้อง สามารถพูดให้เห็นภาพได้ทั่ว ยิ่งเป็นพระธรรมทูตมีหน้าที่เผยแพร่พระพุทธศาสนาด้วย ก็ต้องมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น สามารถใช้ศัพท์และคำเรียกต่างๆ ในภาษาที่จะเผยแพร่ให้ถูกต้อง
ในชั่วโมงนี้ แม้จะเป็นการศึกษาพระอภิธรรม แต่หลักธรรมในอภิธรรม ๗ คัมภีร์นั้น ก็เกี่ยวโยงกับธรรมในพระสูตรด้วย จึงควรมองเห็นเค้าโครงกว้างๆ ของพระไตรปิฎกทั้งหมด วันนี้ เราลองมาสำรวจตู้หนังสือพระไตรปิฎกดู ถือเป็นการทบทวนความรู้กันก่อน
พระไตรปิฎก คือ ตำรา ๓ หมวด แปลตามตัวอักษรว่า ตระกร้าหรือกระจาด ๓ ใบ เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า The Three Baskets หรือนิยมเรียกกันว่า The Pali Canon ถ้าเรียกทับศัพท์ตามบาลีก็เป็น Tipitaka สํสกฤตเรียกว่า Tripitaka วรรณคดีสายพระไตรปิฎกนี้ แยกออกเป็น ๒ ประเภท คือ
๑. คัมภีร์พระบาลี หรือ มูลปกรณ์ หมายถึงตัวพระไตรปิฎกเอง อันเป็นที่บรรจุพุทธพจน์
๒. คัมภีร์อรรถวรรณนา ได้แก่ คัมภีร์อธิบายขยายความที่สืบเนื่องออกไป แต่พระไตรปิฎกนั้นมีหลายขั้น แบ่งคร่าวๆ เป็น ๓ ขั้น คือ อรรถกถา ฎีกา ตัพพินิมุต (นอกเหนือจากนั้น)
พระไตรปิฎก แยกออกดังนี้ คือ
- วินัยปิฎก (Basket of the Discipline)
ย่อหัวข้อว่า: อา ปา ม จุ ป
เล่มที่ ๑-๘รวม ๘ เล่ม
- สุตตันตปิฎก (Basket of the Discourses)
ย่อหัวข้อว่า: ที ม สํ อํ ขุ
เล่มที่ ๙-๓๓รวม ๒๕ เล่ม
- อภิธรรมปิฎก (Basket of the Ultimate Doctrine)
ย่อหัวข้อว่า: สํ วิ ธา ปุ ก ย ป
เล่มที่ ๓๔-๔๕รวม ๑๒ เล่ม
รวมทั้งหมด ๔๕ เล่ม
วินัยปิฎก (Basket of the Discipline)
แบ่งออกเป็น ๕ คัมภีร์ คือ
- เล่ม ๑ อาทิกัมม์ (Major Offences) ว่าด้วยสิกขาบทที่เกี่ยวกับ อาบัติหนัก (ปาราชิก ถึง อนิยต)
- เล่ม ๒-๓ ปาจิตตีย์ (Minor Offences) ว่าด้วยสิกขาบทที่เกี่ยวกับ อาบัติเบา (นิสสัคคีย์ ปาจิตตีย์ เป็นต้นไป)
- เล่ม ๔-๕ มหาวรรค (Greater Section) ว่าด้วยสิกขาบทนอกปาติโมกข์ ที่มาใน ๑๐ ขันธกะแรก
- เล่ม ๖-๗ จุลวรรค (Smaller Section) ว่าด้วยสิกขาบทนอกปาติโมกข์ ที่มาใน ๑๒ ขันธกะปลาย
- เล่ม ๘ ปริวาร (Epitome of the Vinaya) คัมภีร์ คู่มือคำถาม-ตอบ ประกอบการศึกษาพระวินัยปิฎก
วิธีแบ่งอีกอย่างหนึ่ง จัดเป็น ๕ เหมือนกัน คือ
- เล่ม ๑-๓ รวมเรียกว่าวิภังค์ (Analysis of Classification) ว่าด้วยสิกขาบทที่มาในพระปาติโมกข์
คัมภีร์นี้ แบ่งย่อยออกไปเป็น ๒ ตอน คือ
- เล่ม ๑-๒ ภิกขุวิภังค์ (มหาวิภังค์) (Rules for Monks) ว่าด้วยสิกขาบทในปาติโมกข์
- เล่ม ๓ ภิกขุนีวิภังค์ (Rules for Nuns) ว่าด้วยสิกขาบทในปาติโมกข์ ฝ่ายภิกษุณีสงฆ์
- เล่ม ๔-๗ รวมเรียกว่า ขันธกะ (chapters) มี ทั้งหมด ๒๒ ขันธกะ จัดเป็น ๒ วรรค คือ
- มหาวรรค (Greater Section) มี ๑๐ ขันธกะ
- จุลวรรค (Smaller Section) มี ๑๒ ขันธกะ
- เล่ม ๘ ปริวาร (Epitome of the Vinaya)
สุตตันตปิฎก (Basket of Discourses)
คือประมวลพระพุทธพจน์ที่ปรากฏในรูปพระธรรมเทศนา ซึ่งทรงแสดงในโอกาสต่างๆ แบ่งออกเป็น ๕ นิกาย คือ
- ทีฆนิกาย (Collection of Long Discourses)
- มัชฌิมนิกาย (Collection of Medium - Length Discourses)
- สังยุตตนิกาย (Collection of Connected Discourses)
- อังคุตตรนิกาย (Collection of Gradual Sayings)
- ขุททกนิกาย (Collection of Minor Works)
๑. ทีฆนิกาย (Collection of Long Discourses) เป็นชุมนุมหรือที่รวมอยู่แห่งสูตรทั้งหลาย อันมีขนาดยาว มี ๓๔ สูตร จัดเป็น ๓ วรรค ดังนี้
- ๑.) สีลขันธวรรค (Section Concerned with Morality) เล่ม ๙ มี ๑๓ สูตร
- ๒.) มหาวรรค (Great Section) เล่ม ๑๐ มี ๑๐ สูตร มีคำขึ้นต้นว่า มหา แทบทั้งนั้น เช่น มหาปรินิพพานสูตร (Discourse on the Great Decease) เป็นสูตรที่มีเนื้อความยาวที่สุด
- ๓.) ปาฏิกวรรค (Section Beginning with the Patika Sutta) เล่ม ๑๑ มี ๑๑ สูตร
๒. มัชฌิมนิกาย (Collection of Medium-Length Discourses) เป็นที่ชุมนุมหรือรวมอยู่แห่งสูตรทั้งหลาย อันมีขนาดกลาง จัดเป็น ๑๕ วรรค มี ๑๕๒ สูตร
แบ่งเป็น ๓ ปัณณาสก์ Groups of Fifty Discourses
- ๑.) มูลปัณณาสก์ The First Fifty บั้นต้น ๕๐ สูตร
- ๒.) มัชฌิมปัณณาสก์ The Middle Fifty บั้นกลาง ๕๐ สูตร
- ๓.) อุปริปัณณาสก์ The Final Fifty บั้นปลาย ๕๒ สูตร
๓. สังยุตตนิกาย (Collection of Connected Discourses) เป็นชุมนุมหรือที่รวมอยู่แห่งพระสูตรที่จัดเข้าเป็นกลุ่มๆ ตามบุคคลหรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง (สังยุต แปลว่า เกี่ยวข้อง)
สูตรใดเป็นเรื่องที่แสดงความเกี่ยวข้องกับผู้ใด หรือธรรมข้อใด ก็รวมมาไว้เป็นกลุ่มเดียวกันแล้วตั้งชื่อตามชื่อของผู้นั้นหรือธรรมข้อนั้นมี ๗,๗๖๒ สูตร (นับแล้วไม่น่าถึง) แบ่งเป็น ๕ วรรค คือ
- ๑.) สคาถวรรค (Section with Verses เป็นเรื่องโต้ตอบด้วยคาถา เช่น ถามว่าอะไรเป็นแสงสว่างในโลก? ตอบว่า “ปัญญา” เราได้พุทธศาสนสุภาษิตเป็นจำนวนมากจากนี้ (เล่มที่ ๑๕)
- ๒.) นิทานวรรค (Section on Causation) ว่าด้วยเรื่อง ปฏิจจสมุปบาท นิทานแปลว่า “เหตุ” (เล่มที่ ๑๖)
- ๓.) ขันธวารวรรค (Section on the Aggregates) ว่าด้วยขันธ์ ๕ เช่น อนัตตลักขณสูตร (เล่มที่ ๑๗)
- ๔.) สฬายตนวรรค (Section on the Six Sense-Bases) ว่าด้วยอายตนะ ๖ มี อาทิตตปริยายสูตรเป็นต้น (เล่มที่ ๑๘) ขอให้สังเกตว่า อัพยากตปัญหา (เรื่องที่พระพุทธเจ้าไม่ทรงตอบ) ก็อยู่ในคัมภีร์นี้เป็นส่วนมาก
- ๕) มหาวารวรรค (Section on Great Item) แสดงธรรมหมวดใหญ่ คือเรื่องโพธิปักขิยธรรม ๓๗ (เล่มที่ ๑๙) พระสูตรในสังยุตตนิกายเหล่านี้ ปรากฏซ้ำอีกมากในอภิธรรม
๔. อังคุตตรนิกาย (Collection of Gradual Sayings) เป็นชุมนุมหรือที่รวมอยู่แห่งพระสูตรที่จัดไว้ตามธรรมที่เกินขึ้นไปแต่ละองค์ๆ คือ จัดลำดับเป็นหมวดๆ ตามจำนวนหัวข้อธรรม นับได้ ๙,๕๕๗ สูตร (บางสูตรสั้นๆ มีข้อความหนึ่ง หรือสองบรรทัด ก็จบเนื้อความ) แบ่งเป็นนิบาต คือ ชุมนุม หรือ หมวด มีทั้งหมด ๑๑ หมวด จัดเป็น ๕ เล่ม (เล่ม ๒๐ - ๒๔) ดังนี้
- เอกนิปาต (Groups of Ones)
- ทุกนิปาต (Groups of Twos)
- ติกนิปาต (Groups of Threes)
- จตุกฺกนิปาต (Groups of Fours)
- ปญฺจกนิปาต (Groups of Fives)
- ฉกฺกนิปาติ (Groups of Sixes)
- สตฺตกนิปาต (Groups of Sevens)
- อฏฺฐกนิปาต (Groups of Eights)
- นวกนิปาต (Groups of Nines)
- ทสกนิปาต (Groups of Tens)
- เอกาทสกนิปาต (Groups of Elevens)
๕. ขุททกนิกาย เป็นชุมนุมหรือที่รวมเรื่องเบ็ดเตล็ด ที่นับเป็นสูตรได้บ้างมิได้บ้าง มี ๑๕ คัมภีร์ (ชื่อเล็กแต่มีขนาดใหญ่ที่สุด) ดังนี้
- ขุททกปาฐะ (Minor Readings) บทสวดเล็กๆ น้อยๆ เป็นที่มาสำคัญของ เจ็ดตำนาน
- ธรรมบท (Works of the Doctrine) ๔๒๓ คาถา ตั้งแต่คาถา มโนปุพฺพํ เป็นต้นไป (อรรถกถามี ๘ เล่ม)
- อุทาน (Paeans of Joy) เป็นพระดำรัสเปล่งอุทานของพระพุทธเจ้า มีเรื่องนำรวม ๘๐ อุทาน
- อิติวุตตกะ (Thus-Said Discourses) เป็นพระสูตรที่ไม่ขึ้นด้วย คำว่า เอวมฺเม สุตํ แต่ขึ้นด้วย วุตฺตญฺเหตํ และจบลง ด้วยคำว่า อิติ วุตฺตํ มีทั้งหมด ๑๑๒ สูตร
- สุตตนิบาต (Collection of Suttas) เป็นพระสูตรที่มีลักษณะพิเศษ คือเป็นคาถาล้วนๆ แทบทั้งหมด มีร้อยแก้วเพียง ๒ - ๓ สูตรเท่านั้น
ปราชญ์บางท่านสันนิษฐานว่า เป็นพระสูตรรุ่นแรกที่มีทั้งหมด ๗๑ สูตร หัวคัมภีร์แรกนี้ จัดเป็นเล่มที่ ๒๕ ในพระไตรปิฎก
- วิมานวัตถุ (Stories of Celestial Mansions) เป็นเรื่องแสดงถึงบุพกรรมของเทวดามี ๘๕ เรื่อง
- เปตวัตถุ (Stories of Suffering Demons) เป็นเรื่องแสดงถึงบุพกรรมของเปรต มี ๕๑ เรื่อง
- เถรคาถา (Verses of the Elders) มี ๒๖๔ องค์ อยู่ในเล่มที่ ๒๖
- เถรีคาถา (Verses of the Women Elders) มี ๗๖ องค์ อยู่ในเล่มที่ ๒๖
- ชาดก (Birth Stories) ประมวลเรื่องอดีตชาติของพระพุทธเจ้ามีทั้งหมด ๕๔๗ เรื่องอยู่ในเล่มที่ ๒๗ - ๒๘
- นิทเทส (Expositions) เป็นคำอธิบายของพระสารีบุตรเถระ ขยายความสูตรต่างๆ ในสุตตนิบาตจัดได้ว่า เป็นต้นแบบของอรรถกถาทั้งหลาย แบ่งเป็น ๒ ตอน คือ
- ตอนที่ ๑ มหานิทเทส (Greater Expositions) และ
- ตอนที่ ๒ จูฬนิทเทส (Lesser Expositions)
อยู่ในเล่มที่ ๒๙-๓๐
- ปฏิสัมภิทามรรค (Way of Analytical Knowledge) แปลว่าทางแห่งความแตกฉานแห่งปัญญา มีเรื่อง ฌาน อัปปมัญญา ญาณ อานาปานสติ เป็นต้น ท่านกล่าวว่าเป็นผลงานของพระสารีบุตรเถระอยู่ในเล่มที่ ๓๑
- อุปทาน (Lives of Arahants) เป็นประวัติในชาติก่อนๆ ของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระเถระพระเถรีทั้งหลาย อยู่ในเล่มที่ ๓๒-๓๓
- พุทธวงศ์ (History of the Buddhas) แสดงประวัติพระพุทธเจ้า ๒๕ พระองค์ เริ่มตั้งแต่พระพุทธทีปังกร เป็นต้นมา อยู่ท้ายเล่ม ๓๓
- จริยาปิฎก (Modes of Conduct) มีนิดเดียว อยู่ในเล่ม ๓๓ เหมือนกัน ว่าด้วยพุทธจริยาในบางเรื่องของชาดก นำมาเล่าใหม่ แต่งไว้ ๓๕ เรื่องแสดงตัวอย่างการทรงบำเพ็ญบารมีต่างๆ เช่น ทานบารมี เป็นต้น
* * * * * * * * * *
ปิดตู้พระไตรปิฎก
เพียงเท่านี้