แรงจูงใจในการเขียนกรณีสันติอโศก

Somdet Phra Buddhaghosacariya (P. A. Payutto)

(การสนทนากับตัวแทนจากสันติอโศก)1

ทีนี้ ในฝ่ายสำนักสันติอโศกเอง นอกจากที่เขียนจดหมายมาโดยสุภาพฉบับหนึ่งและเป็นบัตรสนเท่ห์อีกฉบับหนึ่งแล้ว อาตมาก็ไม่ทราบว่า ลูกศิษย์ลูกหาทั่วไปจะมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง แต่มีลูกศิษย์ของสำนักสันติอโศกมาหา กลุ่มแรกมาโดยไม่แสดงตัวว่าเป็นชาวสันติอโศก คือคนหนึ่งในกลุ่มนั้น ติดต่อขอมาพบโดยบอกว่าชอบอ่านหนังสือของอาตมา เขาพากันมาหลายคน คุยอยู่ตั้งนาน สนทนาเรื่องอื่นๆ แล้วก็วกมาถามเรื่อง สันติอโศก แล้วหลังจากนั้นก็มาอีกหนหนึ่ง โดยนำจดหมายของท่านโพธิรักษ์มาด้วย เขาบอกว่าหลังจากมาพบอาตมาแล้ว เขาก็ได้ไปหาท่านโพธิรักษ์ ได้ไปคุยกับท่านแล้ว ท่านก็ฝากจดหมายมา อาตมาก็ไม่ทราบว่าเป็นชาวสันติอโศก จนกระทั่งหลังจากนั้นอีกราว ๑๐ วัน มาเห็นชื่อในข่าวหนังสือพิมพ์ ปรากฏว่า เป็นผู้มีตำแหน่งในสันติอโศกในระดับที่เรียกได้ว่าเป็นผู้ใหญ่ และเป็นตัวแทนฝ่ายสันติอโศก ในการเจรจากับฝ่ายกระทรวงศึกษาธิการ ต่อมาก็มีมาอีกคนหนึ่ง เป็นระดับผู้ใหญ่เหมือนกัน แต่ท่านนี้รู้จักกันอยู่แล้ว แกก็มาถามปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับกรณีสันติอโศก และเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่หนังสือกรณีสันติอโศกออกไป คราวนี้ท่านโพธิรักษ์ก็ใช้หนังสือพุทธธรรม แต่จะนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อะไร ดูเหมือนจะยังคลุมเครืออยู่ รวมความว่า ถ้าจะมองว่าเป็นผลก็มีผลบ้างเหมือนกันในแง่ที่ว่า ฝ่ายสันติอโศกได้ขวนขวายพิจารณาหาทาง

ทีนี้มาว่ากันในแง่ที่ปรากฏทางด้านสังคมทั่วไปนี้ ก็มองเห็นว่ายังสับสนกันอยู่ ยังพูดไม่ตรงประเด็น และไม่เข้ามาในสนามของการพิจารณาปัญหา มองในแง่หนึ่งก็เหมือนกับว่าระหว่างที่กำลังสับสนชุลมุนวุ่นวายกัน อาตมาได้เปิดสนามหรือเวที ขอเชิญให้มาพูดกันในประเด็นเหล่านี้ แล้วก็มาพิจารณาเรื่องเหล่านี้กันด้วยเหตุด้วยผล หาข้อเท็จจริง แล้วเอาเหตุผลมาว่ากันดูว่าเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่เห็นจะมีใครเข้ามา คงมีแต่การพูดเหน็บแนมบ้าง ประชดประชันบ้าง แสดงอารมณ์และความไม่พอใจกันต่างๆ ซึ่งอาตมาว่าไม่เข้าเรื่อง นี้แสดงว่าในแง่นี้ยังไม่ได้ผล แต่อาตมาก็ได้มองไปอีกแง่หนึ่งว่า ในเมื่อมีเรื่องราวอย่างนี้ขึ้นมา ก็มีประโยชน์ในการพิจารณาศึกษาสังคมอย่างหนึ่ง กล่าวคือ เมื่อศึกษาความเป็นไปในสังคมในเวลาที่มีกรณีอย่างนี้เกิดขึ้น เราก็ได้เห็นว่า ประชาชนและคนที่เกี่ยวข้องมีวิธีแสวงหา ศึกษา และพิจารณาข่าวสารข้อมูลกันอย่างไร มีท่าทีและวิธีปฏิบัติอย่างไร มีความเข้าใจเรื่องดีไหม ตรงประเด็นไหม ซึ่งถ้าทำไม่ได้ดี ไม่เข้าใจปัญหา ไม่เข้าใจประเด็น ก็นับว่าเป็นปัญหาของสังคมอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะในยุคของข่าวสารข้อมูล นี้ก็คือการที่บททดสอบตัวจริงได้เกิดขึ้นแล้ว

ผู้สัมภาษณ์ : คนที่ท่านเจ้าคุณกล่าวว่าเป็นศิษย์ของสำนักสันติอโศก แต่มาอย่างไม่เปิดเผยตัวเองว่าเป็นชาวสันติอโศกในตอนแรก ตอนหลังนำจดหมายของท่านโพธิรักษ์มา การที่เขาไม่อยากจะเปิดเผยว่าเป็นชาวสันติอโศก เป็นเพราะว่าเขาอยากจะมาศึกษาในลักษณะที่เป็นกลางๆ หรือในลักษณะว่าเขาอยากจะมาสังเกต ตรวจสอบท่านเจ้าคุณ จะเป็นในแง่ไหนมากกว่าเจ้าคะ

พระเทพเวที : เรื่องนี้อาตมาก็ไม่รู้ใจเขา อาตมาก็มองในแง่ดีไว้ก่อน ฉะนั้น เมื่ออาตมาเห็นชื่อของท่านผู้นั้นในหนังสือพิมพ์ว่าเป็นใครแล้ว อาตมาก็เพียงแต่แปลกใจ แม้จะนึกสงสัยในเจตนาบ้าง แต่ก็คิดในทางเห็นใจไว้ก่อน อาตมาจึงเฉยๆ ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรเลย เราอาจจะต้องดูเขาไป และก็มองเขาในแง่ดีว่า เขาอาจจะต้องการความรู้แบบกลางๆ คือ เมื่ออาตมาไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ก็จะได้พูดไปอย่างเต็มที่ ตามที่อาตมามีความรู้สึกนึกคิด เหมือนกับที่พูดกับคนอื่นๆ เขาคงคิดว่า ถ้าอาตมารู้ว่าเขาเป็นใครเสียก่อน ท่าทีของอาตมาอาจจะเปลี่ยนไป บางทีเขาอาจจะคิดมากไปถึงกับว่า ในเวลาที่อาตมาพูดกับคนอื่นๆ อาจจะพูดถึงท่านโพธิรักษ์และสันติอโศกในทางร้ายๆ มากๆ เมื่อเขามาโดยไม่ให้อาตมารู้ตัวอย่างนี้ เขาจะได้รู้ว่าอาตมาพูดว่าเขาขนาดไหน การที่เขาเอาวีดีโอมาถ่ายภาพไปด้วย ก็คงเป็นเพราะเขามีความรู้สึกตั้งใจจริงจังในเรื่องนี้มาก ซึ่งในแง่นี้ชาวสันติอโศกก็ควรสบายใจว่า ถึงจะมาอย่างเปิดเผยตัวก็จะได้พูดจากันเต็มที่ เพราะการที่ว่ากล่าวกันนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องของการเป็นปฏิปักษ์กัน แต่เป็นการพยายามให้เกิดความจริงความถูกต้องดีงาม คนในสันติอโศกที่อาตมารู้จัก เคยหวังดีต่อเขาอย่างไร ก็คงหวังดีอย่างนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลง

ผู้สัมภาษณ์ : ถ่ายวีดีโอในระหว่างที่ท่านสนทนาธรรมหรือว่าถ่ายวีดีโอในลักษณะไหนเจ้าคะ

พระเทพเวที : เขาได้เตรียมกล้องถ่ายและคนถ่ายมาพร้อมไว้แล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจู่ๆ คนถ่ายจะเข้ามาถ่าย หรือจู่โจมถ่ายเอาไป เขาก็ขออนุญาตก่อนด้วย แต่ถ้าจะให้ชัดว่าเขาขออนุญาตว่าอย่างไร อ้างเหตุผลในการขอถ่ายว่าอย่างไร ก็จะต้องเล่าเรื่องมาตามลำดับให้ละเอียดขึ้นสักหน่อยแล้วก็จะเสียเวลา และกินเนื้อที่คำสัมภาษณ์มากขึ้นอีก แต่ที่สำคัญก็คือจะทำให้เกิดความรู้สึกในทางที่ไม่ดี ทำไปทำมาเรื่องก็จะเอียงมาทางเป็นการเพ่งจ้องกันในทางส่วนตัวไปเสีย หรือร้ายกว่านั้น ก็จะมองเห็นกันเป็นปฏิปักษ์ ซึ่งจะเป็นการไม่ดีและผิดวัตถุประสงค์อย่างมาก เพราะการที่อาตมาเขียนหนังสือนี้ หรือมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ก็มุ่งจะสร้างความเข้าใจและความชัดเจน ที่จะให้เกิดความถูกต้องชอบธรรม โดยทางของความจริงและตรงไปตรงมา ซึ่งเป็นประโยชน์ของส่วนรวม ทั้งของพระศาสนา และของสังคมทั้งหมด ไม่ใช่เป็นเรื่องส่วนตัว เพราะฉะนั้น ก็ขอให้วางใจ วางท่าทีในเรื่องนี้กันไว้ให้ถูกต้อง

สิ่งที่เขาถ่ายนั้น ก็คือ ขณะที่กลุ่มสนทนากับอาตมาอยู่ในศาลา คนถ่ายก็ถ่ายบริเวณนอกศาลา แต่จะถ่ายที่ไหนบ้าง ก็ไม่ทราบ เพราะสนทนากันอยู่ไม่ได้มองดู หลังจากถ่ายข้างนอกแล้ว เขาก็มาถ่ายอาตมา ขณะที่สนทนาอยู่ ดูเหมือนว่าเขาจะถ่ายเฉพาะอาตมากับพระที่นั่งอยู่ด้วย ไม่ได้ถ่ายภาพคณะของเขาเองที่มาสนทนา มีญาติโยมบางท่าน เมื่อทราบว่าเขาถ่ายวีดีโอเอาไปด้วย ก็เป็นห่วงและเตือนว่าควรจะระวัง เพราะเวลานี้เทคนิคด้านนี้เจริญก้าวหน้ามาก เขาอาจจะเอาไปตัดต่อทำอย่างไรก็ได้ จะเกิดความเสียหายได้ อาตมาก็ขอให้มองในแง่ดีไว้ก่อน และก็เงียบๆ เฉยๆ เรื่อยมา อย่างที่ว่ามาแล้ว แต่ก็เห็นว่าถ้าได้สำเนาวีดิโอนั้นมาเก็บไว้ ก็จะเป็นการดีอย่างหนึ่ง ก็จึงได้เขียนจดหมายไปขอถ่ายสำเนาวีดีโอ แต่จดหมายถูกไปรษณีย์ตีกลับมา ไม่มีที่ผู้รับ หลังจากนั้นก็ยังไม่ได้พยายามอะไรอีก ถึงแม้เวลานี้อาตมาจะมีความรู้สึกแคลงใจในเจตนาของเขามากขึ้นจากเรื่องที่ปรากฏต่อๆ มา เช่น หนังสือต่างๆ ที่ออกมา แต่ก็ยังมีความรู้สึกในทางดีแง่อื่นๆ อยู่อีก และยังหวังว่าคนที่มีความตั้งใจจริงจังอย่างนี้ ถ้าหันมาพูดกันตรงๆ ปรับความเห็น ความเข้าใจให้ถูกต้องพอดี แล้วมาร่วมมือกันทำงาน ก็จะเป็นประโยชน์แก่พระศาสนาและสังคมได้มาก เพราะคนที่ตั้งใจทำอะไรจริงจังนั้น ถ้าไม่ใช่ทำด้วยคลั่งไคล้หลงไป ก็เป็นคนที่สังคมของเรากำลังขาดแคลนและต้องการมาก

1ทางเว็บไซต์เป็นผู้จัดแบ่งเนื้อหาเป็นส่วนๆ และตั้งชื่อหัวข้อแต่ละส่วน เพื่อความสะดวกในการนำเสนอบนเว็บ หนังสือต้นฉบับไม่มีการจัดแบ่งหัวข้อแต่อย่างใด
The content of this site, apart from dhamma books and audio files, has not been approved by Somdet Phra Buddhaghosacariya.  Such content purpose is only to provide conveniece in searching for relevant dhamma.  Please make sure that you revisit and cross check with original documents or audio files before using it as a source of reference.